30 พ.ย. 2561 เว็บไซต์ นสพ.Los Angeles Times ซึ่งเป็นสื่อท้องถิ่นของเมืองลอส แองเจลิส หรือแอลเอ (Los Angeles , LA) มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา รายงานเมื่อ 28 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่นว่า ทางการลอส แองเจลิส ผ่านร่างกฎหมายอนุญาตให้การค้าขายแบบ “หาบเร่แผงลอยบนทางเท้า” (Sidewalk Vending) สามารถทำได้แล้ว หลังมีการถกเถียงกันมายาวนาน ท่ามกลางความดีใจของผู้ค้าข้างถนนที่ไม่ต้องถูกมองว่าประกอบอาชีพอย่างผิดกฎหมายอีกต่อไป
รายงานข่าวที่พาดหัวว่า “After years of debate, L.A. legalizes sidewalk vending: This means freedom” (หลังถกเถียงกันหลายปี แอลเอไฟเขียวขายของบนทางเท้า นี่หมายถึงเสรีภาพ) ยกตัวอย่างเสียงสะท้อนจาก ออเรเลียโน ซานติอาโก (Aureliano Santiago) ผู้ค้าไอศกรีมและไส้กรอก กล่าวว่าหลังจากนี้จะไม่มีตำรวจมารบกวนพ่อค้าแม่ขายริมถนนอีกต่อไป และนี่คือเสรีภาพ ซึ่งระหว่างการต่อสู้เพื่อปลดล็อกการค้าแบบดังกล่าว ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยได้ยกข้อโต้แย้ง เช่น กีดขวางทางสัญจร ขยะมูลฝอย รวมถึงเอาเปรียบการแข่งขันกับร้านค้าที่เป็นอาคาร
กฎหมายฉบับใหม่นี้ห้ามทางการจำกัดสถานที่และรูปแบบการค้าของผู้ค้าหาบเร่แผงลอย เว้นแต่เพื่อความปลอดภัยสาธารณะหรือความปลอดภัยต่อสุขภาพ นอกจากนี้ผู้ค้ายังไม่ต้องขออนุญาตตั้งร้านหรือแผงค้ากับธุรกิจในบริเวณนั้นอีกด้วย โดยมีข้อปฏิบัติและข้อห้ามของผู้ค้า เช่น ต้องเก็บขยะให้เรียบร้อย ไม่ตั้งแผงค้าในลักษณะกีดขวางทางสัญจรทั้งทางเท้าและถนน หัวฉีดน้ำดับเพลิง รวมถึงทางเข้าอาคารต่างๆ และต้องลงทะเบียนขออนุญาตรวมถึงมีการรับรองผลตรวจสุขภาพโดยหน่วยงานของรัฐ อีกทั้งต้องเว้นระยะห่างระหว่างแผงค้าอย่างน้อย 3 ฟุต
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า กฎหมายฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ในเดือน ม.ค. 2562 โดยแหล่งข่าวจากทางการแอลเอ ระบุว่าที่ผ่านมาสวนสาธารณะต่างๆ ในเมืองจะมีกฎระเบียบย่อยๆ มากมาย เช่น ให้มีผู้ค้าได้เพียง 2 รายเท่านั้น หรือต้องตั้งร้านห่างกันอย่างน้อย 25 ฟุต หรือ 100 ฟุตกรณีมีสิ่งก่อสร้างหรือเป็นสนามเด็กเล่น นอกจากนี้สวนสาธารณะบางแห่งที่มีระบบสัมปทานผู้ค้าเป็นการเฉพาะ คนอื่นๆ ก็ไม่สามารถเข้าไปทำการค้าขายได้ ขณะที่ฝ่ายผู้ค้าเห็นว่า การมีใบอนุญาตทำการค้าเป็นหลักประกันความมั่นคงในอาชีพ
เอ็ดการ์ ซุย (Edgar Suy) พ่อค้าข้าวโพดและขนมขบเคี้ยวที่ต้องส่งเงินไปให้แม่และลูกที่ประเทศกัวเตมาลา กล่าวว่า ก่อนหน้าที่ผู้ค้าแผงลอยถูกปฏิบัติราวกับเป็นหนูสกปรก ทั้งจากรัฐบาล ตำรวจและนายทุนนักธุรกิจ แต่วันนี้ผู้ค้าแผงลอยไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ในเงามืดอีกต่อไป และผู้ค้าไม่ได้เป็นภัยต่อสังคม ถึงกระนั้นก็มีบางสถานที่ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการค้าขายเป็นการทั่วไป เช่น Hollywood Walk of Fame Universal Studios และอนุสาวรีย์ El Pueblo de Los Angeles
นอกจากนี้ยังมีสถานที่ที่ห้ามค้าขายเป็นบางช่วง เช่น Dodger Stadium and nearby Elysian Park, Hollywood Bowl Staples Center and the L.A. Coliseum ในวันที่มีการจัดกิจกรรม หรือ Leimert Plaza Park ที่มีการจำกัดจำนวนผู้ค้าเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานของหน่วยงานอุทยาน อย่างไรก็ตามในสถานที่เหล่านั้นสินค้าบางประเภทก็ยังได้รับอนุญาตให้ขายได้ เช่น ผลงานศิลปะหรือดนตรีที่ผู้ขายผลิตขึ้น
รายงานของ Los Angeles Times ยังกล่าวอีกว่า แม้บางประเด็นจะยังเป็นข้อถกเถียง เช่น Hollywood Walk of Fame ที่ฝ่ายผู้ประกอบธุรกิจเห็นว่าต้องห้ามค้าขายแบบแผงลอยเพราะพื้นที่นั้นแอดอัดเกินไปที่จะตั้งแผงค้าได้อย่างปลอดภัย ส่วนฝ่ายผู้ค้าและผู้สนับสนุนอาชีพแผงลอยมองว่าควรมีกฎระเบียบขึ้นมาเป็นการเฉพาะกับพื้นที่ดังกล่าว รวมถึงตั้งคำถามว่าเหตุใดถึงไม่รวม Leimert Plaza Park ให้อยู่ภายใต้กฎหมายนี้ แต่เมื่อมีข่าวว่ากฎหมายได้รับความเห็นชอบจากสภาเมือง บรรดาผู้ค้าแผงลอยในแอลแอต่างบอกว่านี่คือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่
อิเซลา กราเซียน (Isela Gracian) ประธานกลุ่ม East Los Angeles Community Corporation กล่าวว่า ผู้ค้าต่อสู้กันมาในเรื่องนี้กว่าทศวรรษกว่านักการเมืองแอลแอจะลงมติเห็นชอบกฎหมาย โดยในวันลงมตินั้นผู้ค้านับร้อยคนต่างสวมเสื้อยืดสีดำมายืนลุ้นผลโหวตกันอยู่หน้าศาลาว่าการเมือง ส่วน คาริดัด วาสเควช (Caridad Vasquez) ตัวแทนผู้ค้าที่ได้มีโอกาสเข้าไปชี้แจงในสภาเมือง กล่าวว่าเมื่อตนเริ่มรณรงค์ปลดล็อกอาชีพผู้ค้าแผงลอย ก็ไม่คิดว่าจะมาได้ไกลถึงวันนี้ที่มีโอกาสถูกนำเข้าไปพิจารณาและลงมติโดยสภาเมือง
เคอร์เรน ไพรซ์ (Curren Price) นักการเมืองท้องถิ่นของแอลเอ ซึ่งเป็นคนแรกที่จุดประเด็นยกอาชีพผู้ค้าแผงลอยขึ้นมาอยู่บนดินเมื่อ 5 ปีก่อน ได้รับการต้องรับด้วยเสียงโห่ร้องชื่นชมจากผู้ค้าอย่างล้นหลาม หลายคนโผเข้าสวมกอดและอีกหลายคนตะโกนเป็นภาษาสเปน “Si se pudo” ที่แปลว่า “ถ้ามันสามารถเกิดขึ้นได้” โดย ไพรซ์ กล่าวทักทายกับบรรดาผู้ค้าว่าดีใจกับชัยชนะหลังจากต่อสู้มานานถึง 5 ปีใช่ไหม และย้ำว่านี่คือชัยชนะของความฝันแบบอเมริกัน (American Dream)
อีกด้านหนึ่ง บรรดาคนทำธุรกิจในอาคาร เช่น อาร์มันโด ฟลอเรส (Armando Flores) ผู้จัดการฝ่ายกฎหมายของบริษัท Valley Industry & Commerce Assn ได้ตั้งคำถามกับทางการแอลแอว่าจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดได้อย่างไร ซึ่งทางการแอลเอเปิดเผยว่า นอกจากการจับปรับผู้ฝ่าฝืนแล้วยังสามารถใช้มาตรการอื่นๆ เช่น จำกัดสิ่งที่สามารถวางบนทางเท้าได้ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ของเมืองเสนอแนะว่าควรจ้างเจ้าหน้าที่เทศกิจเพิ่มอีก 22 คน และฝ่ายอำนวยการอีกจำนวนหนึ่งเพื่อมาดูแลงานด้านนี้โดยเฉพาะ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายราว 3.6 ล้านเหรียญสหรัฐ
อนึ่ง ยังมีการตั้งสมมติฐานว่า เหตุที่ทางการแอลเอเร่งพิจารณาปลดล็อกผู้ค้าแผงลอยจากสถานะอาชีพผิดกฎหมาย เนื่องมาจากการขึ้นสู่อำนาจของ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ในตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งทรัมป์นั้นมีนโยบายกวาดล้างคนต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองอย่างเข้มงวด หากอาชีพหาบเร่แผงลอยยังผิดกฎหมาย ผู้ค้าแผงลอยในแอลเอหลายรายที่เป็นผู้อพยพจากภูมิภาคลาตินอเมริกา (อเมริกากลางและใต้) นอกจากถูกดำเนินคดีในเรื่องดังกล่าวแล้วยังอาจถูกเนรเทศออกจากสหรัฐด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี