17 ม.ค.62 เว็บไซต์ นสพ.The Guardian ของอังกฤษ เสนอข่าว “Thailand signals major shift in refugee policy after Rahaf Mohammed case” โดยวิเคราะห์คำให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล (Surachate Hakparn) ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทย ภายหลังเกิดกรณี น.ส.ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด เอ็ม อัลคูนัน (Rahaf Mohammed M Alqunun) หญิงสาวชาวซาอุดิอาระเบีย ซึ่งหนีจากบ้านเกิดมายังประเทศไทย และได้ลี้ภัยไปยังแคนาดาในเวลาต่อมา ว่าอาจเป็นจุดเปลี่ยนในนโยบายว่าด้วยผู้ลี้ภัยของทางการไทย
รายงานของ The Guardian อ้างคำกล่าวของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เมื่อ 16 ม.ค.62 ว่าประเทศไทยจะไม่มีการส่งผู้ลี้ภัยกลับบ้านอย่างไม่เต็มใจอีกต่อไปและจะปฏิบัติตามหลักสากล ซึ่งคำกล่าวนี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนโยบายว่าด้วยผู้ลี้ภัยของทางการไทย จากการปฏิเสธที่จะรับรู้และปกป้องคนกลุ่มนี้ที่ใช้กันมาอย่างยาวนาน โดยปัจจุบันประเทศไทยยังไม่ลงนามในอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย 2494 ขององค์การสหประชาชาติ (UN)
กรณีของ น.ส.ราฮาฟ นั้นเกิดขึ้นเมื่อเธอตัดสินใจหนีครอบครัวที่มักใช้ความรุนแรง เดินทางออกจากซาอุดิอาระเบียมุ่งหน้าปลายทางที่ออสเตรเลีย แต่ถูกควบคุมตัวขณะรอเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศไทย และถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของไทย จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลกเมื่อเธอขังตนเองในห้องพักของโรงแรมในสนามบินแล้วใช้สื่อออนไลน์เรียกร้องขอความช่วยเหลือ จนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เข้ามาช่วยและทางการไทยต้องปล่อยให้ UNHCR ดำเนินการต่อจนได้ที่ลี้ภัยในแคนาดา
ถึงกระนั้น ท่าทีต่อผู้ลี้ภัยของทางการไทยจะเป็นอย่างไรยังต้องติดตามกันต่อไป โดยอ้างถึงกรณี นายฮาคีม อัล อาไรบี (Hakeem al-Araibi) อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรนซึ่งถูกกักตัวในไทยตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย.61 และอาจถูกส่งตัวกลับบาห์เรนทั้งที่สุ่มเสี่ยงต่อการเผชิญชะตากรรมที่โหดร้าย เนื่องจากเป็นการส่งตัวตามหมายจับที่ออกโดยตำรวจสากล (Interpol) ตามคำขอของรัฐบาลบาห์เรน ในข้อหาทำลายทรัพย์สินของทางราชการ แต่ออสเตรเลียมองว่าเป็นคดีการเมืองเพราะนายฮาคีมมีประวัติชุมนุมประท้วงรัฐบาลบาห์เรน จึงได้สถานะผู้ลี้ภัยในออสเตรเลีย
สำหรับกรณีของนายฮาคีม พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่าต่างจากกรณีของ น.ส.ราฮาฟ และย้ำว่ากรณีของนายฮาคีมอยู่ในการพิจารณาของศาล ถึงกระนั้นก็มีข้อสังเกตว่า การทำงานของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ในการปราบปรามผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายส่งผลให้ผู้ลี้ภัยที่เป็นเด็กและสตรีพลอยได้รับผลกระทบถูกกักตัวไปด้วย แม้ก่อนหน้านี้รัฐบาลไทยยืนยันว่าจะไม่กักตัวสตรีและเด็กลี้ภัยอีกต่อไป ซึ่ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่าสตรีและเด็กลี้ภัยจะได้รับการประกันตัวออกมา
-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-
ขอบคุณเรื่องจาก : https://www.theguardian.com/world/2019/jan/17/thailand-refugee-policy-shift-rahaf-saudi-arabia
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี