6 เม.ย. 2562 เว็บไซต์ นสพ. Nikkei Asian Review ของญี่ปุ่น เสนอข่าว “India and Thailand surge in resource nationalism ranking” โดยระบุว่า อินเดีย และไทยเป็นประเทศที่แนวคิดชาตินิยมด้านทรัพยากรมีอิทธิพลเพิ่มสูงขึ้นจนอาจไม่เหมาะกับนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งอ้างอิงการจัดอันดับจำนวน 190 ประเทศทั่วโลก ประจำปี 2561 โดย Verisk Maplecroft บริษัทที่ปรึกษาที่มีฐานอยู่ในอังกฤษ อันดับที่สูงขึ้นหมายถึงความเสี่ยงจากการที่รัฐบาลมรนโนบายควบคุมทรัพยากรธรรมชาติอย่างเข้มงวดขึ้น
รายงานข่าวระบุว่า กลุ่มประเทศ“ความเสี่ยงอย่างสูงที่สุด” (Extreme Risk) สำหรับผู้ที่จะเข้าไปลงทุนด้านทรัพยากรธรรมชาติ ประกอบด้วย สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก เวเนซุเอลาและเกาหลีเหนือ ส่วนไทย อินเดีย จีน อินโดนีเซีย เมียนมาและเวียดนาม อยู่ในกลุ่ม “ความเสี่ยงสูง” (High Risk) โดยกรณีอินเดียนั้นเป็นประเทศที่มีทรัพยากรถ่านหินมากที่สุดในโลก แต่ในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 11 เม.ย. 2562 หลายพรรคการเมืองได้ชูนโยบายชาตินิยมทางทรัพยากรธรรมชาติในการหาเสียงด้วย
ข้อมูลของ Verisk กล่าวว่า นโยบายชาตินิยมทางทรัพยากรธรรมชาติในอินเดียได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองตลอดจนบรรดาสหภาพแรงงาน เพื่อต้องการแก้ปัญหาทุจริตในกระบวนการผลิต โดยมีคำพิพากษาจากศาลฎีกาเมื่อปี 2557 ยกเลิกแปลงขุดถ่านหินจำนวน 214 จากทั้งหมด 218 แปลง ที่เคยจัดสรรให้กับนักลงทุนทั้งของรัฐและเอกชน ส่งผลให้ความเสี่ยงของนักลงทุนที่จะลงทุนด้านทรัพยากรธรรมชาติในอินเดียนั้นอยู่ในอันดับ 15 ของโลกในปี 2562 โดยขึ้นจากอันดับ 25 ในปี 2561
ขณะที่ประเทศไทย อันดับความเสี่ยงของนักลงทุนที่จะลงทุนด้านทรัพยากรธรรมชาตินั้น อยู่อันดับ 10 ของโลกในปี 2562 เพิ่มจากอันดับ 16 ในปี 2561 และอันดับ 91 ในปี 2559 สืบเนื่องจากการที่รัฐบาลทหารของไทยมีนโยบายแทรกแซงการประกอบธุรกิจโดยขาดการกำกับดูแล อาทิ คำสั่งปิดเหมืองทองชาตรี ที่บริษัทสัญชาติออสเตรเลียได้รับสัมปทาน ด้วยเหตุผลข้อกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ
ส่วนประเทศจีนนั้นอยู่อันดับ 10 ของโลกเช่นเดียวกับไทย เพิ่มขึ้นจากอันดับ 21 ในปีก่อน โดยมีกรณีการควบคุมตัวผู้บริหารของ CEFC China Energy อันเป็นบริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของจีน จากนั้นมีรายงานว่าตัวแทนรัฐบาลเมืองเซี่ยงไฮ้เป็นผู้ดำเนินการแทน ขณะที่อินโดนีเซียอยู่อันดับ 18 สืบเนื่องจากบริษัทของรัฐได้ซื้อหุ้นบริษัท Freeport Indonesia ที่ได้สัมปทานเหมืองทองและทองแดงขนาดใหญ่ โดยบริษัทดังกล่าวดำเนินการภายใต้บริษัทแม่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่ง โจโก วิโดโด (Joko Widodo) ประธานาธิบดิอินโดนีเซีย ระบุว่า นี่เป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ และรัฐจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากกิจการเหมือง
อาคิโอะ ชิบาตะ (Akio Shibata) ประธานสถาบันวิจัยทรัพยากรธรรมชาติ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า แนวคิดชาตินิยมด้านทรัพยากรแต่เดิมเกิดขึ้นเพราะราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นและรัฐต้องการรายได้จากนักลงทุน แต่ล่าสุดพบปัจจัยใหม่คือความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมรวมถึงการสำรองทรัพยากรไว้ใช้ในระยะยาว ทั้งนี้บางประเทศในเอเชีย เช่น เวียดนาม อันดับความเสี่ยงในปี 2562 อยู่ที่ 25 ของโลก ลดลงจากปี 2561 ซึ่งอยู่ในอันดับ 16
ขอบคุณเรื่องจาก
https://asia.nikkei.com/Business/Markets/Commodities/India-and-Thailand-surge-in-resource-nationalism-ranking
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี