จาการ์ตา/กัวลาลัมเปอร์ (เอพี/รอยเตอร์) - คณะกรรมการการเลือกตั้งอินโดนีเซียได้ส่งทีมไปตรวจสอบบัตรเลือกตั้งถึง 20,000 ใบที่พบใบกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย หลายใบกาเลือกประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ผู้นำอินโดนีเซียไว้แล้ว ก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันพุธหน้า
องค์กรตรวจสอบการเลือกตั้งอินโดนีเซีย (Bawaslu) ออกมายืนยันแล้วว่าพบบัตรเลือกตั้งที่กาเลือกนายโจโค วิโดโด ในมาเลเซีย หลังจากมีวีดีโอที่เผยแพร่ต่อกันในโลกออนไลน์เป็นภาพกลุ่มคนบุกเข้าไปในร้านค้าอันว่างเปล่าแห่งหนึ่งที่รัฐเซลังงอร์ของมาเลเซีย แกะกล่องและพบบัตรเลือกตั้งที่กาไว้แล้วหลายกล่องด้วยกัน วีดีโออีกชิ้นหนึ่ง ซึ่งมาจากอีกสถานที่ เป็นภาพผู้หญิง 2 คน กำลังเจาะบัตรเลือกตั้งให้เป็นรู ซึ่งเป็นเครื่องหมายว่าเป็นบัตรที่ลงคะแนนเสียงแล้ว อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต. อินโดนีเซียยังไม่ได้ยืนยันว่าบัตรเลือกตั้งเหล่านี้เป็นของจริง แต่ได้ส่งทีมไปตรวจสอบบัตรเลือกตั้งดังกล่าวแล้ว
ก่อนหน้านี้ ฝ่ายค้านของอินโดนีเซียได้ออกมาขู่ว่าจะร้องต่อศาลและเดินขบวนประท้วงในกรณีมีความไม่ชอบมาพากลของกระบวนการเลือกตั้ง อาทิ มีการระบุวันเกิดผิดและมีบัตรประจำตัวปลอม สำหรับคนที่ลงทะเบียนเลือกตั้งราว 17.5 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นเกือบ 10 เปอร์เซ็นต์ของผู้มีสิทธิออกเสียง
ทั้งนี้ อินโดนีเซียเตรียมจัดการเลือกตั้งทั่วไปทั่วประเทศในวันพุธที่ 17 เม.ย. โดยมีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากกว่า 190 ล้านคน และมีผู้สมัครกว่า 245,000 คนที่ลงเลือกตั้ง โดยมีประชาชนราว 2 ล้านคนที่ลงทะเบียนเลือกตั้งนอกประเทศไว้ รวมถึงในมาเลเซีย โพลล์สำรวจล่าสุดพบว่า ประธานาธิบดีวิโดโด นำ พล.ท.ปราโบโว สุบิยันโต นายทหารเกษียณ คู่แข่ง ด้วยคะแนนถึงสองหลัก เป็นการกลับมาแข่งขันกันอีกครั้งของทั้งสองหลังจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2014 ที่ ปธน.วิโดโดชนะไปอย่างฉิวเฉียด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี