สื่อญี่ปุ่นแฉ‘แก๊งคอลเซนเตอร์’แดนปลาดิบ ยึดอาเซียนเป็นฐานก่อเหตุ
7 พ.ค.62 เว็บไซต์ นสพ.Nikkei Asian Review ของญี่ปุ่น เสนอข่าว “Japanese phone scammers expand operating bases to Southeast Asia” โดยระบุว่า การจับกุมแก๊งคอลเซนเตอร์สัญชาติญี่ปุ่นในประเทศไทย ชี้ให้เห็นถึงการใช้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เป็นฐานในการก่อเหตุโทรศัพท์กลับไปหลอกลวงทรัพย์สินจากเหยื่อที่ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุในประเทศญี่ปุ่น
สืบเนื่องจากกรณีตำรวจไทยเข้าจับกุมชาวญี่ปุ่นจำนวน 15 คน ที่เมืองพัทยา เมื่อ 29 มี.ค. 2562 พร้อมกับยึดของกลางเป็นอุปกรณ์โทรศัพท์ผ่านอินเตอร์เน็ตจำนวน 50 ชุด พร้อมเอกสารที่แปะบนฝาหนังซึ่งเขียนด้วยภาษาญี่ปุ่น โดยคาดว่ามีมูลค่าความเสียหายถึง 200 ล้านเยน หรือประมาณ 58 ล้านบาท ทั้งนี้ยังมีรายงานว่า 9 ใน 15 คนเคยพักอาศัยอยู่ในฟิลิปปินส์เป็นเวลา 1 ปีก่อนเดินทางต่อไปยังประเทศไทย จึงอาจเป็นไปได้ที่แก๊งดังกล่าวจะเคยใช้ฟิลิปปินส์เป็นฐานในการก่อเหตุด้วย (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ตร.ชลบุรีล่อซื้อค้าประเวณีเด็ก16ปี จับแก๊งคอลเซนเตอร์ญี่ปุ่นข้ามชาติ)
ในทางกลับกัน ที่ประเทศญี่ปุ่นก็มีกรณีการจับกุมชาวไต้หวันจำนวน 9 คน ได้ที่เมืองโคฟุ ทางตะวันตกของกรุงโตเกียว ในข้อหาลักลอบเข้าเมืองและการใช้ประเทศญี่ปุ่นเป็นฐานก่อเหตุโทรศัพท์ไปหลอกลวงเหยื่อในประเทศอื่น และย้ำว่าหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของประเทศต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบ ต้องทำงานแบบประสานความร่วมมือ โดยเมื่อวันที่ 16 เม.ย. 2562 ตำรวจญี่ปุ่นได้เดินทางไปยังประเทศไทยเพื่อร่วมสอบสวนเหตุดังกล่าว
รายงานของสื่อญี่ปุ่นกล่าวต่อไปว่า การจับกุมชาวญี่ปุ่นที่ไปใช้ประเทศอื่นๆ เป็นฐานปฏิบัติการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้เกิดขึ้นที่ประเทศไทยเป็นที่แรก โดยในปี 2553 มีแก๊งคอลเซนเตอร์สัญชาติญี่ปุ่นถูกจับกุมที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในมณฑลฟูเจี้ยน ประเทศจีน เช่นเดียวกับในปี 2560 ทางการจีนควบคุมตัวชาวญี่ปุ่น 35 คน ด้วยข้อหาเดียวกัน ทั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่า บรรดาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่างๆ มักเลือกประเทศที่มีโครงสร้างเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทันสมัย เป็นฐานก่อเหตุโทรศัพท์ไปหลอกลวงเหยื่อที่ประเทศบ้านเกิดของตน
ชินอิชิ อิชิซุกะ (Shinichi Ishizuka) ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยด้านอาชญาวิทยา มหาวิทยาลัยริวโคคุ (Ryukoku University) กล่าวว่า เมื่อตำรวจพยายามทำลายฐานปฏิบัติการในประเทศหนึ่ง แก๊งต้มตุ๋นเหล่านี้ก็จะเคลื่อนย้ายไปหาฐานก่อเหตุแห่งใหม่ในอีกประเทศหนึ่ง และไม่ว่าจะเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์สัญชาติใด รูปแบบการก่อเหตุค่อนข้างจะคล้ายคลึงกัน เห็นได้จากจากเอกสารของกลุ่มมิจฉาชีพซึ่งแนะนำกลอุบายการหลอกลวง ทั้งนี้ในปี 2561 ที่ผ่านมา มูลค่าความเสียหายของชาวญี่ปุ่นตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซนเตอร์ อยู่ที่ 3.56 หมื่นล้านเยน หรือราว 1.2 พันล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี