8 ก.ค. 2562 สำนักข่าวอัลจาซีราของกาตาร์ เสนอข่าว “Amnesty to UN: Probe Duterte's 'crimes against humanity'” โดยระบุว่า องค์กรนิรโทษกรรมสากล หรือแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล (Amnesty International) กล่าวประณามรัฐบาลฟิลิปปินส์ภายใต้การนำของประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอเต (Rodrigo Duterte) ซึ่งใช้นโยบาย “สงครามยาเสพติด (war on drugs)” ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และส่วนใหญ่เป็นคนระดับล่างของสังคม
นิโคลัส เบเคลัง (Nicholas Bequelin) ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แอมเนสตี้ฯ กล่าวว่า นโยบายสงครามยาเสพติดของ ปธน.ดูเตอเต ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่า “บริษัทกำจัดมนุษย์ (murdering enterprise)” ขนาดใหญ่ที่มีคนยากจนเป็นเหยื่อ จึงขอเรียกร้องให้คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) ดำเนินการเพื่อให้ผู้นำฟิลิปปินส์และรัฐบาลรับผิดชอบ
แถลงการณ์ของแอมเนสตี้ฯ ตั้งข้อสังเกตจากการเก็บข้อมูลผู้เสียชีวิตที่ถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับยาเสพติดระหว่างเดือน พ.ค. 2561-เม.ย. 2562 รวม 27 ศพที่เมืองบูลากัน (Bulacan) ว่ารายงานของตำรวจจะมีรูปแบบเดียวกันหมดคือเมื่อสายลับได้ล่อซื้อยาเสพติดแล้วส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่แสดงตัวเข้าจับกุม จึงเกิดการยิงต่อสู้กัน ทำให้ตำรวจต้องวิสามัญฆาตกรรมคนร้ายเพื่อป้องกันตัว
นอกจากนี้ยังอ้างถึงกรณี โจวาน มักทานง (Jovan Magtanong) ชายวัย 30 ปีที่ถูกวิสามัญฆาตกรรม ว่าฝ่ายตำรวจระบุพบปืนพกขนาด .38 และซองบรรจุยาเสพติด แต่ญาติผู้ตายแย้งว่าก่อนเกิดเหตุโจวานนอนอยู่ในบ้านกับลูกๆ แล้วตำรวจมาเคาะประตูบ้านเพื่อหาชายอีกคนหนึ่ง พร้อมกับย้ำว่าผู้ตายไม่ได้ใช้ยาเสพติดมาเป็นปีแล้วและปืนกระบอกนั้นก็ไม่ใช่ของผู้ตาย แต่ก็ยังถูกตำรวจสังหารราวกับผู้ตายไม่ใช่มนุษย์
ไม่เพียงแต่แอมเนสตี้ฯ เท่านั้น คาร์ลอส คอนเด (Carlos Conde) ตัวแทนองค์กรฮิวแมน ไรท์ วอทซ์ (Human Rights Watch) ประจำฟิลิปปินส์ ตั้งข้อสังเกตถึงรายงานของตำรวจที่จับกุมคดียาเสพติดร้ายแรงนั้นว่าไม่ค่อยน่าเชื่อถือ อีกทั้งตำหนิท่าทีของบรรดาสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ฟิลิปปินส์ ที่เป็นพันธมิตรทางการเมืองกับ ปธน.ดูเตอเต ที่นิ่งเฉยไม่สนใจแถมยังดูหมิ่นคำเตือนเรื่องผลกระทบของนโยบายสงครามยาเสพติด อนึ่ง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประเทศไอซ์แลนด์ เรียกร้องให้สำนักงาน UNHRC ที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทำการสอบสวนเรื่องนี้
รายงานของอัลจาซีรา ยังกล่าวอีกว่า ฝ่ายรัฐบาลฟิลิปปินส์แสดงท่าทีไม่พอใจ อาทิ นักการทูตฟิลิปปินส์เดินออกจากที่ประชุมเมื่อมีมติดังกล่าว ขณะที่ ซัลวาดอร์ พาเนโล (Salvador Panelo) โฆษกของ ปธน. ดูเตอเต แถลงตอบโต้ว่านี่เป็น “การแทรกแซงที่อุกอาจ (outrageous interference)” ต่ออำนาจอธิปไตยฟิลิปปินส์ อย่างไรก็ตาม เมนาร์โด เกวาร์รา (Menardo Guevarra) รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของฟิลิปปินส์ ระบุว่าพร้อมรับกระบวนการสอบสวน ทั้งนี้คาดว่าจะมีการลงมติรับหรือไม่รับเรื่องโดย UNHRC ภายในสุดสัปดาห์นี้
อนึ่ง ในปี 2561 ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) รับกรณีนโยบายสงครามยาเสพติดของ ปธน.ดูเดอเต ไว้ไต่สวน ซึ่งผู้นำฟิลิปปินส์ก็ตอบโต้ด้วยการให้ฟิลิปปินส์ถอนตัวไม่รับอำนาจศาลดังกล่าวเช่นกัน ทั้งนี้ข้อมูลอย่างเป็นทางการของตำรวจ ระบุว่า 3 ปีภายใต้การปกครองของ ปธน. ดูเตอเต มีผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด 6,600 ศพ แต่กลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน คาดว่าน่าจะมีถึง 27,000 ศพ ซึ่ง ปธน. ดูเตอเต จะยังคงดำรงตำแหน่งต่อไปอีก 3 ปีจึงจะครบสมัยและมีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี