โตเกียว (รอยเตอร์/เอ็นเอชเค) - นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ผู้นำญี่ปุ่น ย้ำจะเดินหน้านโยบายสำคัญทั้งด้านการเมืองและการทูต หลังพรรคร่วมรัฐบาลได้ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาจากการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ครึ่งหนึ่งเมื่อวันอาทิตย์ แต่ได้ไม่ถึง 2 ใน 3 ที่จะสามารถแก้รัฐธรรมนูญ

สถานีโทรทัศน์บรรษัทกระจายเสียงญี่ปุ่น หรือเอ็นเอชเค รายงานว่าพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือแอลดีพี และพรรคโคเมโตะ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล มี สว.ทั้งหมด 141 ที่นั่ง จากทั้งหมด 245 ที่นั่ง หากรวมกับพรรคพันธมิตร และสว.อิสระที่สนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญจะมีทั้งหมด 160 ที่นั่ง ไม่ถึง 164 ที่นั่ง ซึ่งเป็นเสียง 2 ใน 3 ขณะที่ฝ่ายค้านมีเสียงรวมทั้งหมด 104 ที่นั่ง ขณะที่พรรคประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านใหญ่สุดของญี่ปุ่น ได้ 104 ที่นั่ง ทั้งนี้ การเสนอแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ประชาชนลงประชามติ โดยเฉพาะการแก้ไขมาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพ เพื่อให้ญี่ปุ่นสามารถจัดตั้งกองกำลังทหารได้ จะต้องได้เสียง 2 ใน 3 ทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร

นายกรัฐมนตรีอาเบะกล่าวว่า พรรคแอลดีพีของเขาได้ที่นั่ง สว.มากถึง 71 ที่นั่ง สะท้อนว่าประชาชนต้องการการเมืองที่มีเสถียรภาพ และเท่ากับให้อำนาจเขาเดินหน้านโยบายทางการเมืองและการทูตต่อไป ทั้งที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะได้เสียงข้างมากในช่วงที่กำลังจะมีการขึ้นภาษีขายครั้งใหม่ ขณะที่นายยูกิโอะ เอดาโนะ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญแห่งญี่ปุ่น หวังว่า จะสามารถรวมพลังฝ่ายค้านให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นเพื่อให้เป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งหน้า ประชาชนกลุ่มใหญ่ไม่ต้องการให้ขึ้นภาษีขายจากร้อยละ 8 เป็นร้อยละ 10 ในเดือนตุลาคมนี้ ฝ่ายค้านจึงต้องการอภิปรายในสภาเรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้ เรื่องการนำภาษีไปใช้เพื่อสวัสดิการสังคม และโครงสร้างภาษีโดยรวม

สำหรับการเลือกตั้งวุฒิสภาของญี่ปุ่นครั้งนี้ มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งต่ำกว่าร้อยละ 50 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2538 แสดงให้เห็นว่าผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งยังไม่เห็นทางเลือกอื่นที่ดีกว่า จึงไม่ออกมาใช้สิทธิ์มากเท่าที่ควร