วอชิงตัน (เอพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ แจ้งข่าวนายแดนเนียล โคตส์ ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ จะลาออกกลางเดือนหน้า นับเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนล่าสุดที่ลาออกจากรัฐบาลทรัมป์ และเป็นผู้ที่มีความเห็นไม่ตรงกับทรัมป์ในหลายเรื่องแต่พยายามเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยตรง
ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตว่า นายโคตส์จะลาออกวันที่ 15 สิงหาคมนี้ เขาเตรียมเสนอชื่อนายจอห์น รัตคลิฟฟ์ สส.พรรครีพับลิกัน รัฐเท็กซัส วัย 53 ปี ทำหน้าที่นี้แทน ปัจจุบันนายรัตคลิฟฟ์อยู่ในคณะกรรมการข่าวกรอง ตุลาการและมาตุภูมิในสภาผู้แทนราษฎร มักกล่าวปกป้องทรัมป์และวิจารณ์คู่อริของทรัมป์อย่างนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ และนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ อัยการพิเศษสอบสวนเรื่องรัสเซียแทรกแซงเลือกตั้งสหรัฐ สมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนแสดงความเห็นด้วยที่เขาจะมานั่งตำแหน่งผู้อำนวยข่าวกรองแห่งชาติ แต่สมาชิกพรรคเดโมแครตติงว่า ตำแหน่งนี้ควรอยู่เหนือการเมือง พูดแต่ความจริง และต้านทานการใช้อำนาจโดยมิชอบของประธานาธิบดี ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่านายรัตคลิฟฟ์ไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้ อีกทั้งยังไม่ประสบการณ์มากพอที่จะดำรงตำแหน่งดังกล่าว
สำหรับนายโคตส์ วัย 76 ปี รับตำแหน่งผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติคนที่ 5 ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2560 มีความเห็นไม่ตรงกับประธานาธิบดีหลายเรื่อง เขาเห็นด้วยกับข้อสรุปของหน่วยงานด้านข่าวกรองว่ารัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐปี 2559 ที่ทำให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะ และไม่เห็นด้วยที่ทรัมป์หารือเป็นการภายในเป็นเวลาสองชั่วโมงกับประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ของรัสเซีย โดยไม่มีเจ้าหน้าที่คนอื่นเลยนอกจากล่ามของทั้งสองฝ่าย ที่กรุงเฮลซิงกิของฟินแลนด์ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ปีก่อน ซึ่งเป็นการประชุมสุดยอดอย่างเป็นทางการครั้งแรก
นายโคตส์ยังได้แสดงความเห็นในรายงานประเมินภัยคุกคามทั่วโลกประจำปีเมื่อต้นปีนี้ว่า เกาหลีเหนือไม่มีท่าทีจะล้มเลิกอาวุธนิวเคลียร์ แม้พยายามเจรจาปลดนิวเคลียร์บางส่วนแลกกับการให้สหรัฐและนานาชาติผ่อนปรนในเรื่องสำคัญ ผู้นำเกาหลีเหนือมองว่าการมีอาวุธนิวเคลียร์จำเป็นต่อการอยู่รอด แต่ทรัมป์กลับยืนยันว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือพร้อมล้มเลิกอาวุธนิวเคลียร์ รายงานฉบับเดียวกันยังพูดถึงกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส ว่ายังไม่ถูกกำจัดและพร้อมกลับมาก่อการร้ายและโหมการโฆษณาชวนเชื่อใหม่ ทันทีที่สหรัฐถอนกำลังออกจากพื้นที่สู้รบ ไอเอสยังมีเครือข่ายในอิรักและซีเรีย และผู้สนับสุนนทั่วโลกแม้สูญเสียผู้นำและดินแดนยึดครองไปมากแล้วก็ตาม ขณะที่ทรัมป์ยืนยันว่าไอเอสถูกปราบไปแล้ว แต่ในส่วนของอิหร่านนั้น นายโคตส์ย้ำว่ายังคงเป็นภัยคุกคามใหญ่ของสหรัฐ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และความมั่นคง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี