ชาวบ้านอินโดฯกังวลแผนย้ายเมืองหลวง เสี่ยงกระทบสิ่งแวดล้อม-วิถีชุมชนดั้งเดิม
9 กันยายน 2562 เว็บไซต์ นสพ. The Guardian ของอังกฤษ เสนอข่าว “Capital in waiting: trepidation in corner of Borneo earmarked as the new Jakarta” กล่าวถึงแนวคิดของ โจโก วิโดโด (Joko Widodo) ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ที่ต้องการย้ายเมืองหลวงจากกรุงจาการ์ตา บนเกาะชวา ไปยังพื้นที่ใหม่บนเกาะบอร์เนียว หลังเมืองหลวงปัจจุบันมีความแออัดสูง ซ้ำยังเกิดปัญหาแผ่นดินทรุดจนหวั่นเกรงว่ากรุงจาการ์ตาอาจจมลงสู่ใต้ทะเลในอนาคตอันใกล้ ซึ่งกลายเป็นความกังวลของผู้คนในพื้นที่ใหม่ดังกล่าว ว่าวิถีชีวิตของพวกตนอาจต้องเปลี่ยนไป
Sugio ชายวัย 79 ปี เจ้าของสวนผลไม้ในหมู่บ้าน Tengin Baru ทางตะวันออกของ Kalimantan เล่าว่า ตนทำสวนอยู่ที่นี่มา 42 ปีแล้ว เขาชี้ให้ดูผักและผลไม้นานาชนิด เช่น ข้าวโพด ทุเรียน เงาะ พริกไทยและมันฝรั่ง “ชีวิตของคนที่นี่สมบูรณ์แบบ” ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบเพราะอยู่ห่างจากถนนสายหลัก ชาวบ้านมีอาหารการกินมากเกินพอเสียจนต้องนำส่วนที่เหลือออกไปขายในตลาด แต่วันนี้หลายคนเริ่มกังวลเมื่อได้ทราบข่าวว่าพื้นที่แห่งนี้ถูกปักหมุดจากทางการให้เป็นที่ตั้งเมืองหลวงใหม่
รายงานของสื่ออังกฤษ ระบุว่า หากรัฐสภาอนุมัติตามแนวคิดของ ปธน.วิโดโด จะมีผู้คนย้ายไปอยู่ ณ เมืองหลวงแห่งใหม่ราว 1.5 ล้านคน ด้วยค่าใช้จ่าย 4.66 ล้านล้านรูเปีย หรือราว 3.27 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยกรอบการดำเนินการคาดว่าจะเริ่มขึ้นในปี 2567 อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจาการ์ตาจะยังเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียต่อไป โดยคาดว่าประชากรเกือบ 10 ล้านคน จะยังคงขออยู่ที่นี่ไม่ย้ายตามไปด้วย
Wiwit หลานสาวของ Sugio กล่าวว่า เมื่อตนเห็นข่าวการย้ายเมืองหลวงทางโทรทัศน์ก็รู้สึกตกใจมาก เพราะกลัวว่าเมื่อแผนการเริ่มขึ้นพวกตนจะไปอยู่ที่ใด ครอบครัวของ Wiwit นั้นมาตั้งรกรากอยู่ทางตะวันออกของ Kalimantan ตามโครงการระบายความแออัดบนเกาะชวา ในยุคอดีต ปธน.ซูฮาร์โต (Suharto) ช่วงทศวรรษ 1970s (ปี 2513-2522) โดยรัฐบาลขณะนั้นมอบเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็นพร้อมที่ดินครัวเรือนละ 1 เฮกตาร์ (ประมาณ 6 ไร่ 1 งาน) เธอบอกว่าที่นี่คือบ้านเกิดและที่อยู่ของครอบครัว หากต้องถูกย้ายก็พร้อมจะต่อสู้
อย่างไรก็ตาม หากยังได้อยู่ต่อ Wiwit มองเห็นมุมบวกในการย้ายเมืองหลวง เธอบอกว่าจะขยายกิจการร้านอาหารของตนให้ใหญ่ขึ้น จากปัจจุบันที่เป็นเพียงร้านข้าวแกงเล็กๆ เพื่อรองรับการย้ายมาของแรงงานจำนวนมาก ขณะที่ Jubaen ชายวัย 53 ปี ผู้นำด้านวัฒนธรรมของ Pemaluan อีกหมู่บ้านที่อยู่ในพื้นที่ก่อสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่ของอินโดนีเซีย กังวลว่าความเป็นเมืองที่เข้ามาจะทำให้วิถีชุมชนอันเข้มแข็งสูญสลายไป
Jubaen เล่าต่อไปว่า ในวัยเด็กตนใช้ชีวิตด้วยการเข้าไปหาของป่าได้อย่างอิสระ เช่น เก็บผลไม้และน้ำผึ้ง แต่กิจการจากภายนอก เช่น อุตสาหกรรมป่าไม้และเหมือง ที่เข้ามาภายหลัง ทำให้เขาไม่อาจทำเช่นนั้นได้อีก จึงกลัวว่าการมาของเมืองหลวงแห่งใหม่จะยิ่งทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลง ทั้งนี้ที่ดินจำนวนมากในเขตก่อสร้างเมืองหลวงใหม่อยู่ในการครอบครองของธุรกิจเหมืองถ่านหิน สวนปาล์มน้ำมัน และการทำป่าไม้ หากแผนการย้ายเมืองหลวงเกิดขึ้นจริง บริษัทเหล่านี้จะทำกำไรได้อย่างมากจากค่าเวนคืนที่ดินที่รัฐต้องจ่ายให้
Bernaulus Saragih อาจารย์ด้านวนศาสตร์ มหาวิทยาลัย Mulawarman กล่าวว่า การย้ายเมืองหลวงจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งการเปลี่ยนแปลงทิศทางการไหลของน้ำรวมถึงการบุกรุกพื้นที่ป่า ซึ่งพื้นที่ป่าทางตะวันออกของ Kalimantan เป็นแหล่งอาศัยของลิงอุรังอุตัง ขณะที่อ่าว Balikpapan ที่ในอนาคตจะถูกพัฒนาเป็นท่าเรือนั้นเป็นแหล่งอาศัยของพะยูน โดยทั้ง 2 เป็นสัตว์ที่ถูกระบุว่าสุ่มเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
อีกด้านหนึ่ง รัฐบาลอินโดนีเซียยืนยันว่าจะไม่มีการก่อสร้างในเขตป่าอนุรักษ์ นอกจากนี้จะฟื้นฟูพื้นที่ป่าบนพื้นที่ที่เสื่อมโทรมจากเหมืองซึ่งเลิกกิจการไปแล้วรวมถึงสวนปาล์มที่ผิดกฎหมาย Brodjonegoro รัฐมนตรีที่รับผิดชอบแผนการย้ายเมืองหลวงยังพูดถึงศูนย์อนุรักษ์ลิงอุรังอุตัง ที่คล้ายกับศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้าในเมืองเฉิงตู ประเทศจีน แต่บรรดานักอนุรักษ์ยังไม่มั่นใจว่าการย้ายเมืองหลวงจะไม่กระทบสิ่งแวดล้อม
Yustinus Sapto นักวิจัยและนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมของเมือง Samarinda กล่าวว่า ภูมิภาคนี้ยังต้องการการแก้ไขปัญหาที่เกิดจาดอุตสาหกรรมป่าไม้และเหมือง เห็นได้จากลิงอุรังอุตังจำนวนมากยังต้องอยู่ในศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพ ไม่สามารถปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติได้เพราะพื้นที่ป่าลดลงจนลิงไม่สามารถโหนจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่ง รวมถึงยังมีปัญหาสิ่งแวดล้อมอื่นๆ แต่เมื่อมันต้องใช้ชีวิตบนพื้น ย่อมตกเป็นเหยื่อของนักล่าได้ง่าย
Sapto ทิ้งท้ายว่า พื้นที่ตะวันออกของ Kalimantan จำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟู และถ้าไปถามนักอนุรักษ์ก็คงได้รับคำตอบว่า “ทำลายอาคารทิ้งทั้งหมดเสียแล้วปล่อยให้ธรรมชาติฟื้นฟูตัวเอง” ซึ่งแน่นอนว่ามันอยู่ตรงข้ามกับการย้ายเมืองหลวงมาที่นี่ และสำหรับพื้นที่นี้ การก่อการร้ายไม่น่ากลัวเท่าสิ่งก่อสร้างจากปูนซีเมนต์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี