งานวิจัยเผยหญิงมะกัน1ใน16มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเพราะถูกบังคับ เหตุสังคมไม่สอนฝ่ายชายยับยั้งชั่งใจ
17 ก.ย. 2562 สำนักข่าวอัลจาซีราของกาตาร์ เสนอข่าว “Millions of US women say first sexual experience was rape” อ้างถึงงานวิจัยที่มีกลุ่มตัวอย่างเป็นหญิงชาวอเมริกันจำนวน 13,310 คน อายุระหว่าง 18-44 ปี ที่เข้าโครงการสำรวจสุขภาพของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ระหว่างปี 2554-2560 ซึ่งมีการถามคำถามที่ว่า “การมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกับผู้ชายเป็นไปโดยสมัครใจหรือไม่” และผลการสำรวจนี้หากนำไปคำนวณกับสัดส่วนประชากรชาวอเมริกัน พบว่าหญิงชาวอเมริกัน 1 ใน 16 หรือราว 3 ล้านคน มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกด้วยความไม่เต็มใจ
ผลสำรวจยังพบอีกว่า ร้อยละ 7 ของกลุ่มตัวอย่างที่ระบุว่ามีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกแบบไม่เต็มใจ มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกในช่วงอายุประมาณ 15 ปี และผู้กระทำมักเป็นชายอายุมากกว่าหลายปี นอกจากนี้เกือบครึ่งยังถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว และกว่าครึ่งถูกข่มขู่ด้วยตำพูดเพื่อให้มีเพศสัมพันธ์ด้วย โดย ลอรา ฮอว์ค (Laura Hawks) นักวิจัยจากโรงเรียนแททย์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard Medical School) ให้นิยามว่า การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้มาจากการเต็มใจของอีกฝ่ายเท่ากับการข่มขืน
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า การมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกของผู้หญิงแบบไม่เต็มใจยังส่งผลกระทบตามมา เช่น อาการปวดกระดูกเชิงกราน ความผิดปกติของประจำเดือน รวมถึงนำไปสู่พฤติกรรมเสี่ยง อาทิ การเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ การตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์และการทำแท้ง ส่วนข้อค้นพบที่ว่ากลุ่มตัวอย่างร้อยละ 16 ระบุว่าสุขภาพไม่ดียิ่งกว่าผู้หญิงทั่วไป 2 เท่านั้นไม่สามารถสรุปได้ว่ามาจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่เต็มใจหรือจากสาเหตุอื่น
ลอรา กล่าวถึงงานวิจัยฉบับนี้ซึ่งตีพิมพ์ใน “JAMA” วารสารวิชาการที่เก่าแก่ของวงการสาธารณสุขสหรัฐฯ เมื่อ 16 ก.ย. 2562 ว่า หากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกในชีวิตผู้หญิงเกิดขึ้นเพราะถูกข่มขืน นั่นคือการสูญเสียความเป็นตนเองไปอย่างร้ายแรงในเรื่องเพศ จึงไม่ต้องแปลกใจที่จะเกิดปัญหาอื่นๆ ทั้งกายและใจตามมา โดยมีผลการศึกษาอื่นๆ กล่าวถึง “ความเจ็บปวดอันยาวนาน (lasting effects of trauma)” ของหญิงเหล่านี้ด้วย
นักวิจัยผู้นี้ เสนอแนะว่า เรื่องของเพศสัมพันธ์ไม่ควรผลักภาระให้ฝ่ายหญิงต้องแบกรับการตัดสินใจเพียงผู้เดียวว่าจะตกเป็นเหยื่อหรือป้องกันตัวให้รอด แต่ต้องสร้างความเข้าใจกับฝ่ายชายด้วยว่าไม่ควรไปมีเพศสัมพันธ์กับหญิงที่ไม่ยินยอมพร้อมใจ ถึงกระนั้น บทบรรณาธิการของวารสารฉบับดังกล่าว ยังท้วงติงถึงสิ่งที่ขาดหายไปของงานวิจัยชิ้นนี้ เช่น สุขภาพของผู้หญิง พฤติกรรมเสี่ยงอื่นๆ ก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก รวมถึงความรุนแรงทางเพศที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ซึ่งทั้งหมดอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพได้ทั้งสิ้น
แดน ไรซ์ (Dan Rice) ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดหลักสูตรเพศศึกษา กล่าวเช่นเดียวกันว่า การให้ความรู้ในโรงเรียนของสหรัฐฯ ยังไม่เพียงพอ จึงเป็นที่มาของปัญหานี้ รวมถึงวัฒนธรรมการสอนที่บอกว่าทำอย่างไรถึงจะไม่ถูกข่มขืนแทนที่จะบอกว่าไม่ควรไปข่มขืน เขากล่าวอีกว่า มีเพียง 24 มลรัฐที่สอนเรื่องเพศศึกษาในโรงเรียนของรัฐบาล แถมบางแห่งยังเน้นที่เรื่องการหลีกเลี่ยง ส่วนเรื่องของ “ความยินยอม (Consent)” ไม่เคยถูกบรรจุในหลักสูตร และเด็กผู้ชายก็ไม่ได้รับการสอนให้เข้าใจถึงพฤติกรรมการแสดงออกทางเพศที่เหมาะสม
ซาราห์ เอมิลี บวห์ม (Sarah Emily Baum) หญิงวัย 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 Hofstra University ในเมือง Hempstead มลรัฐนิวยอร์ก ยืนยันอีกเสียงว่างานวิจัยดังกล่าวมีมูลความจริง จากประสบการณ์ที่เคยร่วมเขียนบทความชุด “Sex, Etc,” เชื่อได้ว่าหลายคนต้องเคยได้ยินเรื่องทำนองนี้ รวมถึงตั้งข้อสังเกตเช่นกันว่าสังคมสร้างความตระหนักกับผู้ชายที่จะไม่ไปรังแกผู้หญิงน้อยเกินไป เช่น สมัยที่เรียนชั้นมัธยมมีตำรวจมาบรรยายเรื่องการความรุนแรงทางเพศ เนื้อหาหลักเน้นไปที่ความระมัดระวังของฝ่ายหญิง อาทิ การตะโกนขอความช่วยเหลือด้วยเสียงดังหากถูกคุกคาม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี