เตหะราน/มอสโก/วอชิงตัน/ริยาด (เอเอฟพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) - ผู้นำอิหร่านระบุการโจมตีแหล่งผลิตน้ำมันสองแห่งของซาอุดีอาระเบียเป็นการตอบโต้ที่สมน้ำสมเนื้อจากเยเมนหลังถูกกองกำลังผสมที่นำโดยซาอุดีอาระเบียทิ้งระเบิดโจมตีทุกวันมานานหลายปี และถือเป็นการป้องกันตัวเองที่ชอบธรรมแล้ว ขณะที่รัสเซียเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลางและนอกภูมิภาคอย่าด่วนสรุปตัวผู้ก่อเหตุโจมตี
ประธานาธิบดีฮัสซาน โรว์ฮานี ของอิหร่าน ระบุการใช้โดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของซาอุดีอาระเบียถือเป็นการตอบโต้ที่สมน้ำสมเนื้อและชอบธรรมจากเยเมน หลังถูกกองกำลังผสมที่นำโดยซาอุดีอาระเบียทิ้งระเบิดโจมตีทุกวันมานานหลายปี ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิต โดยเขาหวังว่าความขัดแย้งในเยเมนจะสามารถแก้ไขได้โดยผ่านกระบวนการทางการทูต ซึ่งกระบวนการดังกล่าวอาจเป็นกระจกสะท้อนการเจรจากรณีของซีเรียด้วย
ขณะที่ประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ของตุรกี ชี้ว่า ซาอุดีอาระเบียเป็นผู้เริ่มวงจรของการโจมตี ซึ่งประชาคมระหว่างประเทศควรสอบสวนถึงสาเหตุของวิกฤตการณ์ในเยเมน โดยเยเมนถูกทำลายอย่างแท้จริงในช่วงที่เกิดความขัดแย้งนาน 4 ปี พร้อมเรียกร้องให้ชาติมหาอำนาจอื่นๆ พิจารณาเรื่องการฟื้นฟูเยเมนจากที่ไม่เหลืออะไรเพื่อให้กลับไปยืนได้ด้วยตัวเองอีกครั้ง
ด้านประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูตินของรัสเซียบอกว่าเกิดสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมที่ร้ายแรงมากในเยเมน แต่รัสเซียก็พร้อมให้ความช่วยเหลือซาอุดีอาระเบียหากต้องการ โดยอาวุธรัสเซียช่วยปกป้องสาธารณูปโภคของซาอุดีอาระเบียได้ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจที่ชาญฉลาดของรัฐบาล ส่วนนายดิมิทรี เพสคอฟโฆษกทำเนียบเครมลินของรัสเซียกล่าวถึงถ้อยแถลงของสหรัฐที่ระบุว่า มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าอิหร่านเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่กลุ่มกบฏฮูธีที่อ้างความรับผิดชอบไปแล้ว ซึ่งนายเพสคอฟบอกว่ารัสเซียมีทัศนคติเชิงลบต่อความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นในภูมิภาค และเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ทั้งในตะวันออกกลางและนอกภูมิภาคหลีกเลี่ยงการรีบดำเนินการ หรือด่วนสรุปตัวผู้อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันซาอุดีอาระเบีย ซึ่งจะทำให้เกิดการไร้เสถียรภาพมากยิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐบอกว่า มีหลายทางเลือกในการตอบโต้การโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของซาอุดีอาระเบียเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่เขาเชื่อว่าอิหร่านอยู่เบื้องหลังการโจมตีในครั้งนี้ และว่าเขามีแผนจะส่งรัฐมนตรีต่างประเทศไปยังซาอุดีอาระเบีย รวมทั้งจะหารือกับบรรดาประเทศในอ่าวเปอร์เซียและชาติยุโรปถึงประเด็นดังกล่าว
ทั้งนี้ เหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันอับเคก ซึ่งเป็นโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดของโลก และคูเรสทำให้ซาอุดีอาระเบียสูญเสียกำลังการผลิตน้ำมันถึงวันละ 5.7 ล้านบาร์เรล หรือร้อยละ 6 ของกำลังการผลิตของโลก ดูเหมือนว่าซาอุดีอาระเบียจะยังไม่สามารถกลับมาผลิตน้ำมันอีก 3 ล้านบาร์เรลต่อวันเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน ด้าน เจ้าชายอับดุลลาซิซ บิน ซัลมาน รัฐมนตรีพลังงานซาอุดีอาระเบียมีกำหนดแถลงข่าวครั้งแรกหลังเหตุโจมตีในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น และเป็นที่คาดว่า พระองค์จะทรงแถลงถึงความพยายามล่าสุดในการกลับมาผลิตน้ำมันในส่วนที่ยังหายไป เดิมซาอุดีอาระเบียผลิตน้ำมันวันละ 9.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งในจำนวนนี้7 ล้านบาร์เรล ส่งออกไปต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชีย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี