18 กันยายน 2562 เว็บไซต์ นสพ.Nikkei Asian Review ของญี่ปุ่น เสนอข่าว "Thailand production slump threatens Japanese automakers" ระบุว่า การที่อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยชะลอตัวลง ทั้งโดยปัจจัยด้านกำลังซื้อในประเทศที่อ่อนแรงลง รวมถึงการส่งออกที่ลดลง อาจกระทบต่อบรรดาผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นทั้งหลาย เนื่องจากไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
รายงานของสื่อญี่ปุ่น อ้างอิงข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เช่น ยอดการผลิตรถยนต์ในเดือน ส.ค.2562 ลดลงร้อยละ 8 ยอดการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทย เดือน มิ.ย.2562 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 30 เดือน รวมถึงยอดจำหน่ายในเดือน ก.ค.2562 ลดลงร้อยละ 1 ทั้งนี้สาเหตุหลักมาจากการเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อรถยนต์มากขึ้น เนื่องมาจากปัญหาหนี้สินครัวเรือนของคนไทย โดยในเดือน มี.ค.2562 หนี้ครัวเรือนอยู่ที่ 425 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 13 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 ของช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน
เมื่อเจาะดูตามประเภทรถยนต์ พบว่า "รถกระบะ (Pickup Truck)" ซึ่งครองสัดส่วนยอดจำหน่ายรถยนต์กว่าครึ่งของยอดขายทั้งหมดในประเทศไทย ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าสำคัญคือเกษตรกรไทย ซึ่งได้รับผลกระทบทั้งจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ยังมีปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ทั้งนี้ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นครองส่วนแบ่งถึงร้อยละ 90 ของตลาดในประเทศไทย อาทิ ในปี 2561 ที่ผ่านมา ประเทศไทยผลิตรถยนต์มากถึง 2.16 ล้านคัน สูงที่สุดในรอบ 5 ปี
ชินสุเกะ มินามิ (Shinsuke Minami) ผู้บริหาร "อีซุซุ (Isuzu)" ยักษ์ใหญ่ด้านรถกระบะและรถบรรทุก ยอมรับว่าผลกระทบครั้งนี้รุนแรงกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากไทยเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย ในปีงบการเงินที่แล้วซึ่งสิ้นสุดในเดือน มี.ค.2562 ยอดขายรถยนต์ครึ่งหนึ่งอยู่ในเอเชีย และในจำนวนนี้ร้อยละ 30 มาจากไทย กระทั่งค่าเงินบาทแข็งขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับสกุลเงินเหรียญสหรัฐ กระทบต่อการส่งออกรถยนต์จากไทยไปยังประเทศออสเตรเลียและภูมิภาคตะวันออกกลาง กำไรของอีซุซุลดลง 3 พันล้านเยน หรือ 27.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ในเดือน เม.ย. - มิ.ย.2562
เช่นเดียวกับ มิชิโนบุ สึกาตะ (Michinobu Sugata) ประธาน "โตโยต้า (Toyota)" ประเทศไทย ซึ่งเป็นฐานการผลิตอันดับ 4 ของโลกรองจากญี่ปุ่น จีนและสหรัฐฯ ที่กล่าวว่า กิจกรรมต่างๆ ลดลงทุกตลาด และเศรษฐกิจในภาพรวมก็เข้าสู่ภาวะชะลอตัว โดยสำหรับครึ่งแรกของปี 2562 โตโยต้าไทยมีการเติบโตร้อยละ 9 ต่อปี เป็น 3 แสนคัน อย่างไรก็ตามยอดการผลิตรถยนต์ลดลงร้อยละ 11 ในเดือน ก.ค.2562 เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศและการส่งออกลดลง โดยโตโยต้าไทยนั้นผลิตทั้งรถเก๋งและรถกระบะส่งออกไปทั่วอาเซียนและออสเตรเลีย
"มิตซูบิชิ (Mitsubishi Motors)" อีกค่ายรถยนต์ดังของญี่ปุ่น ปัจจุบันมีโรงงานประกอบรถยนต์ 3 แห่งในประเทศไทย ซึ่งเป็นฐานการผลิตนอกญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท แต่ยอดการผลิตรถยนต์เริ่มลดต่ำลงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าตั้งแต่เดือน มี.ค.2562 กำลังการผลิตหดตัวลงร้อยละ 8 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 และลดลงร้อยละ 2 ในเดือน ก.ค.2562
นอกจากนี้ ผลประกอบการจนถึงเดือน มิ.ย.2562 ลดลงร้อยละ 86 อยู่ที่ 3.9 พันล้านเยน ถือเป็นช่วงเวลาที่มืดมน เพราะมูลค่าการตลาดอยู่ในไทยและอาเซียนถึง 11.5 พันล้านเยน ผลประกอบการในย่านนี้ถูกคาดหวังว่าจะชดเชยส่วนที่ขาดหายไปในตลาดญี่ปุ่นและทวีปอเมริกาเหนือ แต่หากตลาดรถยนต์ในไทยยังในสภาพดิ่งลงต่อไป ย่อมกระทบต่อมิตซูบิชิอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
รายงานข่าวยังกล่าวถึงผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอื่นๆ ที่เจอปัญหาหนักหนาไม่แพ้กัน อาทิ "เจเนอรัล มอเตอร์ (General Motors)" เจ้าของแบรนด์รถยนต์อเมริกัน "เชฟโรเลต (Chevrolet)" ตัดสินใจเลิกจ้างพนักงานถึง 300 คนในประเทศไทย , "ทาทามอเตอร์ (Tata Motors)" แบรนด์รถยนต์สัญชาติอินเดีย ประกาศยุติการผลิตรถยนต์ในไทยทั้งหมดภายในเดือน มี.ค.2563
ทั้งนี้ หากดูในภาพรวมทั่วทั้งอาเซียน ตลาดหลักของผู้ส่งออกรถยนต์จากประเทศไทย ในเดือน ก.ค.2562 ยอดซื้อรถยนต์ลดลงร้อยละ 9 อยู่ที่ 290,474 คันใน 6 ประเทศสำคัญ ซึ่งรวมถึงไทยด้วย ทั้งนี้ยอดขายระหว่างเดือน ม.ค.และ ก.ค.2562 ลดลงร้อยละ 1 เป็นสัญญาณที่ไม่ดีนักหากจะพูดถึงการทำลายสถิติของปี 2561 ที่ขายรถยนต์ไปได้ถึง 3.57 ล้านคัน
ขอบคุณเรื่องจาก : https://asia.nikkei.com/Business/Automobile/Thailand-production-slump-threatens-Japanese-automakers
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี