วอชิงตัน (เอเอฟพี/รอยเตอร์) - หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา สหรัฐได้ช่วยฝึกกำลังพลและขายอาวุธไฮเทค มูลค่ากว่า 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กองทัพซาอุดีอาระเบีย ซึ่งรวมทั้งเครื่องบินขับไล่และระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศ แต่ซาอุดีอาระเบียกลับไม่สามารถปกป้องโรงกลั่นน้ำมันซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของประเทศจากการโจมตีของโดรนและขีปนาวุธได้
เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐและนักวิเคราะห์ทางทหารระบุว่า การที่โรงกลั่นน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย ถูกโจมตีทางอากาศ ทั้งที่ซาอุดีอาระเบียมีระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศที่ก้าวหน้าที่สุดในภูมิภาค ชี้ให้เห็นว่าขาดการทำงานที่สอดประสานกันในกองทัพซาอุดีอาระเบีย ขณะที่ศูนย์บัญชาการกลางของสหรัฐ ซึ่งดูแลการทำงานของกองกำลังสหรัฐในภูมิภาคเปิดเผยว่า ทางศูนย์บัญชาการกำลังทำงานร่วมกับกองทัพซาอุดีอาระเบียเพื่อดูว่าเกิดข้อผิดพลาดใดและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงหลายคนชี้ว่า แม้มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานทรงให้วิสัยทัศน์สำหรับปี 2573 เรียกร้องให้ซาอุดีอาระเบียลดการพึ่งพาน้ำมันและเปลี่ยนโฉมกองทัพให้มีความทันสมัยมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้วกองทัพซาอุดีอาระเบียจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับแนวทางดังกล่าวได้หรือไม่ เพราะจากเหตุการณ์ล่าสุดได้สะท้อนให้เห็นแล้วว่าแม้จะมีอาวุธล้ำสมัย แต่ซาอุดีอาระเบียก็ยังไม่สามารถป้องกันตนเองได้
โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐระบุด้วยว่า การโจมตีดังกล่าวเป็นการโจมตีทางอากาศที่ซับซ้อน และสะท้อนว่าความตึงเครียดในภูมิภาคกำลังทวีขึ้น แต่ยืนยันว่าสหรัฐไม่ได้กำลังหาเรื่องอิหร่าน พร้อมเรียกร้องให้อิหร่านกลับมาสู่วิถีทางทางการทูต พร้อมกันนี้โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐยังปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ว่าจะมีการเพิ่มกำลังทหารในภูมิภาคหรือไม่ หลังการโจมตีเมื่อเช้ามืดวันเสาร์ที่ผ่านมา
ช่วงไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ได้เกิดการโจมตีกันหลายระลอกในอ่าวเปอร์เซียเริ่มจากการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันเมื่อเดือนพฤษภาคม สหรัฐจึงส่งโดรนเข้า
ลาดตระเวนในช่องแคบฮอร์มุซ และถัดมาในเดือนมิถุนายนโดรนของสหรัฐก็ถูกอิหร่านยิงตก โดยอิหร่านกล่าวหาว่าโดรนลำดังกล่าวรุกล้ำน่านฟ้า ซึ่งทำให้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ สั่งโจมตีอิหร่านเพื่อเป็นการตอบโต้ แต่ต่อมาได้ยกเลิกคำสั่งไป และเปลี่ยนมาประกาศคว่ำบาตรบรรดาผู้นำทางทหารของอิหร่านแทน
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าสหรัฐออกวีซ่าอนุญาตให้ประธานาธิบดีฮัสซัน โรวฮานี และนายโมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน เดินทางไปนครนิวยอร์ก เพื่อร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในสัปดาห์หน้าแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านได้กล่าวหานายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ว่า พยายามเตะถ่วงการออกวีซ่าให้แก่ผู้แทนอิหร่านที่จะเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี