7 พฤศจิกายน 2562 สื่อต่างประเทศหลายสำนักให้ความสนใจกรณี สม รังสี (Sam Rainsy) ผู้นำพรรคสงเคราะห์ชาติ (CNRP) อดีตผู้นำฝ่ายค้านชาวกัมพูชาที่ลี้ภัยอยู่ในฝรั่งเศส ประกาศจะเดินทางกลับไปยังกัมพูชาเพื่อต่อสู้กับ ฮุน เซน (Hun Sen) นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในวันที่ 9 พ.ย. 2562 นำมาสู่การที่รัฐบาลกัมพูชาสั่งเจ้าหน้าที่ตรวจตราเข้มงวดตามแนวชายแดน รวมถึงจับกุมผู้ที่คาดว่าจะเป็นแนวร่วมต่อต้านรัฐบาลไปแล้วหลายราย รวมถึงท่าทีของรัฐบาลไทยในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกัน
สำนักข่าวรอยเตอร์ เสนอข่าว “Facing arrest, Cambodia's Sam Rainsy will get home come what may” ระบุว่า สม รังสี ประกาศจะกลับไปร่วมชุมนุมประท้วงต่อต้านการปกครองของ ฮุน เซน ที่ครองอำนาจมายาวนาน โดยให้นิยามนายกฯ กัมพูชาว่าเป็น “เผด็จการผู้โหดร้าย” ซึ่งหากไปจริงย่อมมีความเสี่ยงถูกจับกุม แต่ถึงกระนั้นก็ยืนยันว่าจะเดินทางไปยังกัมพูชาอย่างแน่นอน เพราะต้องการกลับไปนำผู้คนให้ลุกขึ้นต่อสู้เพื่ออนาคตที่ดีขึ้น
ทั้งนี้เมื่อถามต่อไปถึงท่าทีของไทยที่ไม่ต้องการให้ สม รังสี ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปยังกัมพูชา ก็ได้รับคำตอบว่า หากไม่สามารถนั่งเครื่องบินไปลงที่กรุงเทพฯ ได้ ตนก็จะไปลงที่อื่น ไม่ว่าจะเป็นกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย กรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย หรือแม้แต่ไปลงที่ประเทศสิงคโปร์ ไม่ว่าที่ไหนก็จะไปหากสามารถนำพาตนรวบรวมผู้คนเพื่อไปต่อสู้ด้วยกัน
สำนักข่าวอัลจาซีราของกาตาร์ เสนอข่าว “No alternative : Rainsy determined to return to Cambodia” อ้างคำให้สัมภาษณ์ของ สม รังสี ระบุว่า ตนไม่มีทางเลือกหลังจากทดลองความเป็นไปได้ทั้งหมด ความสงบ ความมีวุฒิภาวะ การเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่นั่นไม่มีผลกับฮุน เซน ตอนนี้เป็นปี 2562 ถึงเวลาแล้วที่ตนต้องสร้างพลังประชาชน เนื่องจากยังไม่มีการเลือกตั้ง
สม รังสี เกิดในกัมพูชาเมื่อปี 2492 จบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์และการบัญชีจากฝรั่งเศส กระทั่งในปี 2535 เขาเดินทางกลับไปยังบ้านเกิดหลังการล่มสลายของกลุ่มเขมรแดง และได้ที่นั่งในรัฐสภาในนามพรรคฟุนซินเปก ในการเลือกตั้งที่องค์การสหประชาชาติ (UM) ให้การสนับสนุน ในปี 2536 แม้พรรคฟุนซินเปกจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง แต่พรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ภายใต้การนำของฮุน เซน ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง
ท้ายที่สุดในปี 2536 จึงมีการประนีประนอมโดยให้สมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ (Norodom Ranariddh) เป็นนายกฯ คนแรก และฮุน เซน เป็นนายกฯ คนที่ 2 ในเวลานั้น สม รังสี รับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และหลังจากนั้น สม รังสี กลายเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงและเป็นคู่แข่งคนสำคัญของฮุน เซน และถูกข้อกล่าวหาจนต้องเดินทางออกนอกประเทศหลายครั้ง
กระทั่งในปี 2556 สม รังสี เดินทางกลับไปยังกัมพูชาโดยมีชาวกัมพูชานับหมื่นคนรอต้อนรับที่กรุงพนมเปญ ในปีดังกล่าวมีการเลือกตั้งและรัฐบาลกัมพูชาของฮุน เซน ใช้วิธีการต่างๆ เพื่อจัดการกับขั้วการเมืองฝ่ายตรงข้าม ซึ่งในปี 2558 สม รังสี ถูกกล่าวหาในคดีหมิ่นประมาท ทำให้ต้องลี้ภัยในต่างประเทศอีกครั้ง กระทั่งการเลือกตั้งครั้งล่าสุดในปี 2561 เขม โสขะ (Kem Sokha) ผู้นำฝ่ายค้านที่มีชื่อเสียงอีกคนหนึ่งในกัมพูชาถูกกักขังด้วยข้อหาเป็นกบฏ ซึ่ง สม รังสี กล่าวว่า มันถึงเวลาที่ตนต้องกลับไปกัมพูชา และฮุน เซน ต้องลงจากอำนาจแล้ว
อย่างไรก็ตาม เขม มนวิทยา (Kem Monovithya) บุตรสาวของ เขม โสขะ ไม่เชื่อว่า สม รังสี จะเดินทางกลับมายังกัมพูชาจริง แต่เป็นเพียงการสร้างกระแสเท่านั้น เช่นเดียวกับ อู วิรัก (Ou Virak) นักวิเคราะห์การเมือง ก็ไม่เชื่อเช่นกัน กล่าวคือ เมื่อต้นปี 2562 สหภาพยุโรป (EU) ได้เริ่มกระบวนการพิจารณาเพิกถอนสิทธิพิเศษทางการค้า Everything But Arms (EBA) ท่ามกลางความกังวลด้านสิทธิมนุษยชน การเดินทางกลับกัมพูชาของ สม รังสี อาจเป็นหนึ่งในกลยุทธ์เพื่อให้มั่นใจว่า สิทธิพิเศษที่ทำให้กัมพูชาส่งสินค้าไปยัง EU ได้จะถูกเพิกถอน
โดยเมื่อเดือน มี.ค. 2562 สม รังสี เคยประกาศว่าจะเดินทางกลับกัมพูชามาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เมื่อ EU ประกาศจะเพิกถอนสิทธิพิเศษทางการค้ากับกัมพูชา เขาก็ยกเลิกการเดินทาง และขณะนี้ EU ก็กำลังพิจารณารายงานดังกล่าวอยู่เช่นกัน ซึ่งหากสม รังสี ถูกห้ามเข้ากัมพูชา EU ก็อาจเพิกถอนสิทธิพิเศษทางการค้าได้ และนั่นจะกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของกัมพูชา
เว็บไซต์ นสพ. Nikkei Asian Review ของญี่ปุ่น เสนอข่าว “Thailand bans Cambodian opposition leader from transiting” กล่าวถึงท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (Prayut Chan O-cha) นายกฯ ของไทย ที่ประกาศไม่ให้ สม รังสี ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปยังกัมพูชา ซึ่งก่อนหน้านี้ สม รังสี ได้ทำหนังสือมาแจ้งให้ทางการไทยทราบว่าจะต้องเดินทางผ่านประเทศไทย
โดย พล.อ.ประยุทธ์ ให้เหตุผลว่า ตามหลักการของประชาคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ทั้ง 10 ประเทศรวมถึงไทยและกัมพูชา ที่แต่ละประเทศจะไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน ดังนั้นไทยจึงไม่สามารถให้กลุ่มต่อต้านรัฐบาลประเทศใดๆ มาใช้พื้นที่ในการเคลื่อนไหว ขณะที่ พาย สีพัน (Phay Siphan) โฆษกรัฐบาลกัมพูชา กล่าวว่า รัฐบาลกัมพูชากำลังบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ต้องการก่อรัฐประหาร อันเป็นการทำลายความสงบและความมั่นคงของประเทศ
ด้านองค์กรสิทธิมนุษยชน ฮิวแมน ไรท์ วอทซ์ (Human Right Watch) เผยแพร่รายงาน “Cambodia: Let Opposition Leaders Return” เรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาปล่อยให้ สม รังสี เดินทางกลับประเทศและทำกิจกรรมทางการเมืองได้อย่างเสรี โดย แบรด อดัมส์ (Brad Adams) ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชีย ฮิวแมน ไรท์ วอทซ์ กล่าวว่า การปราบปรามผู้สนับสนุนพรรค CNRP อย่างหนักในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา เป็นการป้องกันไม่ให้ระบอบประชาธิปไตยที่มีพรรคการเมืองหลายพรรคถูกฟื้นฟูขึ้นบนแผ่นดินกัมพูชา
รายงานของฮิวแมน ไรท์ วอทซ์ ยังกล่าวถึงความพยายามของฮุน เซน นายกฯ กัมพูชา ในการจัดการกับสม รังสี และคนอื่นๆ ที่ต่อต้านตนเอง อาทิ วันที่ 17 ก.ย. 2562 ฮุน เซน ส่งหมายจับ สม รังสี ไปให้ทุกประเทศในอาเซียน เพื่อป้องกันไม่ให้ สม รังสี ใช้อาเซียนเป็นทางผ่านเข้ากัมพูชา , วันที่ 1 พ.ย. 2562 สำนักข่าว Radio Free Asia รายงานข่าวองค์การการบินพลเรือนกัมพูชา ออกคำสั่งห้ามสายการบินพาณิชย์รับ สม รังสี ขึ้นเครื่อง และต่อมาได้ขยายไปยังเจ้าหน้าที่พรรค CNRP อีก 7 คน รวมถึงภรรยาของสม รังสีด้วย
ทั้งนี้ในเดือน พ.ย. 2560 ศาลกัมพูชาได้ตัดสินยุบพรรค CNRP พร้อมห้ามสมาชิกพรรครวม 118 คนทำกิจกรรมทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ทำให้การเลือกตั้งเมื่อ 29 ก.ค. 2561 ไม่มีพรรคการเมืองใดลงแข่งกับพรรค CPP ของฮุน เซน หรือก็คือการเมืองในกัมพูชากลายเป็นแบบพรรคเดียว อนึ่ง กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ข้อ 12 ระบุว่า “บุคคลจะถูกลิดรอนสิทธิในการเดินทางเข้าประเทศของตนโดยอำเภอใจมิได้ (No one shall be arbitrarily deprived of the right to enter his own country)”
ผอ.ภาคพื้นเอเชีย ฮิวแมน ไรท์ วอทซ์ กล่าวอีกว่า สม รังสี และผู้นำฝ่ายค้านคนอื่นๆ มีสิทธิภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศเพื่อกลับบ้านและดำเนินกิจกรรมทางการเมืองโดยสงบ รัฐบาลประเทศต่างๆ รวมถึงผู้บริจาคเงินช่วยเหลือประเทศกัมพูชาต้องแสดงจุดยืนให้ชัดเจนว่ารัฐบาลกัมพูชาต้องคืนความหลากหลายทางการเมือง ไม่เช่นนั้นก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา
ขอบคุณเรื่องจาก :
https://www.hrw.org/news/2019/11/07/cambodia-let-opposition-leaders-return
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี