‘ไม่เก่งภาษาอังกฤษ’ปัญหาหนักอกและวาระแห่งชาติที่‘ญี่ปุ่น’อยากปฏิรูป
12 พ.ย. 2562 เว็บไซต์ นสพ. The Japan Times ของญี่ปุ่น เผยแพร่บทความ “Why Japan's English education is a fiasco” ซึ่งเขียนโดย คุนิ มิยาเกะ (Kuni Miyake) ประธานสถาบันนโยบายต่างประเทศ และผู้อำนวยการวิจัยสถาบัน Canon เพื่อการศึกษาโลก เมื่อ 11 พ.ย. 2562 ตามเวลาท้องถิ่น ว่าด้วยปัญหาการใช้ภาษาอังกฤษของชาวญี่ปุ่นที่ไม่ดีนัก แม้จะมีการเรียนการสอนในหลักสูตรการศึกษาก็ตาม
บทความอ้างถึงการประชุม “Asia-Pacific Think Tank Summit” โดยหัวข้อสำคัญคือ “การจัดการการเปลี่ยนผ่าน , การค้าและความสับสน : บทบาทของคลังสมอง (Managing Transitions, Trade and Turmoil: The Role of Think Tanks)” ซึ่งมี คณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) องค์การสหประชาชาติ (UN) เป็นเจ้าภาพหลักจัดงาน ณ สำนักงาน UN กรุงเทพฯ ประเทศไทย เมื่อสัปดาห์แรกของเดือน พ.ย. 2562 ที่ผ่านมา
การประชุมครั้งนี้เป็นงานรวมตัวของนักวิชาการ 120 คนจากกว่า 30 ประเทศ ในวันที่ 2 ของการประชุมมีการบรรยายในหัวข้อ “อนาคตของความมั่นคงและมั่งคั่งของเอเชียแปซิฟิก (The Future of Security and Prosperity of Asia Pacific)” ซึ่งพบว่า ผู้ร่วมอภิปรายจากเยอรมนี สิงคโปร์ ศรีลังกา อินเดียและเกาหลีใต้ แต่ละคนล้วนใช้ภาษาอังกฤษบอกเล่าปัญหาด้านความมั่นคงที่ซับซ้อนในภูมิภาคนี้ได้เป็นอย่างดี
แต่ผู้ร่วมงานที่เป็นนักวิชาการชาวญี่ปุ่นมีท่าทีแตกต่างออกไป พวกเขาดูเงียบๆ แม้จะสังเกตว่ามีคำถามที่ต้องการหาคำตอบ ทั้งที่คนเหล่านี้คือผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายระหว่างประเทศ พวกเขาได้เรียนภาษาอังกฤษอย่างน้อย 6 ปี และหลายคนก็จบการศึกษามาจากต่างประเทศ แต่ทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของนักวิชาการญี่ปุ่นกลับด้อยกว่านักวิชาการชาติอื่นๆ ในกลุ่มที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาประจำชาติ คำถามคือเกิดอะไรขึ้น
มิยาเกะ เล่าต่อไปถึงผลการสำรวจของ EF Education First บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาระหว่างประเทศ การฝึกอบรมและแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรม จัดอันดับทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของผู้คน 100 ประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาประจำชาติ ที่ออกมาในช่วงเดียวกัน พบว่า การจัดอันดับในปี 2562 ญี่ปุ่นอยู่ในอันดับ 53 ลดลงจากปี 2561 ซึ่งอยู่ในอันดับ 49 จาก 88 ประเทศ โดยในทวีปเอเชีย สิงคโปร์ใช้ภาษาอังกฤษได้ดีเป็นอันดับ 5 จาก 100 ประเทศ ฟิลิปปินส์อันดับ 20 เกาหลีใต้อันดับ 37 ไต้หวันอันดับ 38 และจีนอันดับ 40
ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นเคยมีกำหนดการเปิดโครงการทดสอบทักษะภาษาอังกฤษโดยภาคเอกชนสำหรับผู้เตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในปีงบประมาณ 2563 แต่สุดท้ายโครงการดังกล่าวก็ถูกเลื่อนออกไป โดย โคอิชิ ฮากิยูดะ (Koichi Hagiuda) รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการของญี่ปุ่น ให้ความเห็นว่า นักเรียนควรมุ่งความสนใจไปที่การสอบเข้ามหาวิทยาลัย ตามฐานะของแต่ละบุคคล ขณะที่ สมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมปลายแห่งชาติ เรียกร้องให้ชะลอโครงการออกไป ให้เหตุผลว่าสุ่มเสี่ยงต่อการถูกเลือกปฏิบัติ
ในเวลานั้น สื่อมวลชนหลายสำนักในญี่ปุ่นวิพากษ์วิจารณ์กระทรวงศึกษาธิการอย่างหนัก อาทิ “ระบบใหม่บกพร่อง” (นสพ. Mainichi) , “เป็นการวางแผนที่ไม่ดี” (นสพ. Yomiuri) , “ความล้มเหลวของกระทรวงศึกษาธิการ” (นสพ.Nikkei) , “การเรียนภาษาอังกฤษไม่ควรให้ภาคเอกชนมาจัดทดสอบ” (นสพ.Sankei) และ “ปฏิรูปชั้นเรียนก่อนปฏิรูปการสอบ (นสพ.Asahi)” อย่างไรก็ตาม มิยาเกะ มีมุมมองที่ต่างออกไป
“ผมรู้สึกตกใจ กองบรรณาธิการสื่อมวลชนเหล่านั้นไม่เข้าใจวงจรอุบาทว์ในการศึกษาภาษาอังกฤษของชาวญี่ปุ่น การทดสอบโดยภาคเอกชนไม่ได้ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในระบบการศึกษา ท่ามกลางสถานการณ์ที่ชาวญี่ปุ่นเรียนภาษาอังกฤษจากครูสอนภาษาอังกฤษที่ไม่สามารถพูดหรือสื่อสารภาษาอังกฤษได้ จากประสบการณ์ของผม นักเรียนจะใช้ภาษาอังกฤษให้ดีไม่ได้เลยถ้าไม่ได้รับการสอนจากครูที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี ดังนั้นต้องบอกว่าการเรียนภาษาอังกฤษในญี่ปุ่นตลอด 100 ปีที่ผ่านมาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง” มิยาเกะ กล่าวในบทความ
ผู้เขียนบทความนี้ ยังอ้างถึงบทบรรณาธิการของ นสพ. The Japan Times วันที่ 9 พ.ย. 2562 ที่พาดหัวว่า “อย่าแช่แข็งการปฏิรูปหลักสูตรการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ” ระบุว่า ระบบการทดสอบทักษาภาษาอังกฤษใหม่จะถูกเลื่อนออกไปจนถึงปี 2567 ทำให้การปฏิรูปในเรื่องนี้ล่าช้าออกไปเช่นกัน แต่ญี่ปุ่นนั้นล้าหลังในทักษะด้านภาษาอังกฤษ จึงไม่อาจเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ได้อีกแล้ว
พร้อมกับแนะนำว่า ภาครัฐควรช่วยอุดหนุนงบประมาณหรือสนับสนุนผู้ประกอบการทดสอบภาษาอังกฤษภาคเอกชนในภูมิภาคต่างๆ เพื่อบรรเทาปัญหาความเหลื่อมล้ำของผู้เรียน สิ่งเหล่านี้ภาครัฐควรลงมือทำอย่างเต็มที่เสียก่อนกระทั่งเห็นว่ามันมีปัญหาที่แก้ไขไม่ได้จริงๆ แล้วค่อยบอกว่าจะยอมแพ้กับระบบใหม่ มิยาเกะ ย้ำอีกครั้งว่า ตนเองเรียนภาษาอังกฤษที่สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังเรียนภาษาจีนและภาษาอาหรับด้วย จึงเข้าใจดีว่าผู้เรียนไม่มีทางใช้ภาษาต่างประเทศได้เลย หากไม่ได้เรียนกับครูที่ใช้ภาษานั้นเป็นจริงๆ
อย่างไรก็ตาม มิยาเกะ ไม่ได้เจาะจงว่าหลังจากนี้ชาวญี่ปุ่นต้องเรียนภาษาอังกฤษกับครูชาวต่างชาติเท่านั้น แต่หมายถึงเรียนกับใครก็ได้ที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี ซึ่งก็ยังมีครูชาวญี่ปุ่นที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีอยู่ ทั้งนี้ การเลื่อนโครงการทดสอบภาษาอังกฤษระดับชาติออกไป เท่ากับกระทรวงศึกษาธิการรับประกันว่าชาวญี่ปุ่นทุกคนไม่ว่ายากดีมีจน จะมีทักษะภาษาอังกฤษที่ไม่ดีอย่างเท่าเทียมกัน
“สิ่งที่ต้องยอมรับคือการเรียนภาษาอังกฤษไม่ได้เป็นธรรมในแง่ผลลัพธ์แต่เป็นในแง่โอกาส แม้แต่เด็กๆ บนเกาะที่ห่างไกลก็ยังสามารถเรียนภาษาอังกฤษให้ดีได้ถ้าได้เรียนกับครูที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี ดังตัวอย่างกองทุนเพื่อการทดสอบ EF Standard English ของรัฐบาล นั่นคือก้าวแรกของการบรรลุเป้าหมายนี้” มิยาเกะ กล่าวทิ้งท้าย
หมายเหตุ : สำหรับการสำรวจ EF Education First นั้นในปี 2562 ไทยได้อันดับ 74 จาก 100 ประเทศ และลดลงจากปี 2561 ที่อยู่ได้อันดับ 64 จาก 88 ประเทศ
ขอบคุณเรื่องจาก https://www.japantimes.co.jp/opinion/2019/11/11/commentary/japan-commentary/japans-english-education-fiasco/#.XcoVutSLRkg
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี