สื่อจีนตีข่าว‘ความรุนแรงในครอบครัว’ ด้านมืดสังคมไทยที่ไม่มีใครอยากยุ่ง
25 พ.ย. 2562 สำนักข่าว CGTN ประเทศจีน เสนอข่าว “Domestic violence cases on the rise in Thailand” เมื่อ 24 พ.ย. 2562 ตามเวลาท้องถิ่น ว่าด้วยปัญหาความรุนแรงในครอบครัวของชาวไทย ที่หลายครั้งปรากฏข่าวสามีทำร้ายร่างกายภรรยาอย่างทารุณ ดังกรณีหนึ่งที่เกิดขึ้นในวันปีใหม่ 2559 สามีกลับมาพร้อมอาการมึนเมาจากฤทธิ์สุราและเสพยาติด ก่อนจะบีบคอ ทุบตี และใช้บุหรี่จี้ตามตัว ตั้งแต่กลางดึกถึงเช้ามืด จนภรรยาบาดเจ็บสาหัส
หลังรักษาตัวในโรงพยาบาล เธอพยายามแจ้งความกับตำรวจ แต่ถูกปฏิเสธเพราะเจ้าหน้าที่เห็นเป็นเรื่องในครอบครัว และหลังจากเธอคลอดลูก สามีก็ยังหาเรื่องทำร้ายร่างกายอีกครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อไปแจ้งความก็ไม่มีอะไรคืบหน้า สุดท้ายจึงไปร้องเรียนกับศาล ทำให้ได้พบกับตัวแทนของมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล (Women and Men Progressive Movement) ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาสังคม (NGO) และมูลนิธิฯ ได้เข้ามาช่วยติดตามคดีของเธอ
จะเด็จ เชาวน์วิไล (Jaded Chaowilai) ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เล่าว่า เหตุฆาตกรรมที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในครอบครัวเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เช่น ในปี 2561 พบว่าเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 30 ส่วนใหญ่เป็นกรณีสามีฆ่าภรรยา ด้วยความที่ทัศนคติแบบชายเป็นใหญ่ (Patriarchal) ยังเป็นค่านิยมหลักของสังคมไทย แม้ปัจจุบันทั้งชายและหญิงจะมีความเสมอภาคในหน้าที่การงานมากขึ้น แต่บรรดาผู้กุมอำนาจในส่วนต่างๆ มักยังเป็นเพศชาย ไม่ว่าข้าราชการประจำ รัฐบาลและตำรวจ
“ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวของไทยถูกประเมินไว้ต่ำกว่าความเป็นจริงและไม่ค่อยจะถูกบันทึก มันถูกมองเป็นเรื่องส่วนตัว คู่รักมักปฏิเสธที่จะบอกเล่าเรื่องพวกนี้กับบุคคลภายนอก จึงไม่ต่างจากการซุกขยะไว้ใต้พรม มันคือปัญหาที่ซุกซ่อนอยู่ในสังคมไทย เหมือนกับสิ่งที่มองเห็นเป็นเพียงยอดเล็กๆ ของภูเขาน้ำแข็งที่ลอยอยู่เหนือน้ำ แต่ข้างใต้มันมีอะไรมากกว่านั้น สถิติของทางการบันทึกไว้ 25,000 กรณี แต่เราเชื่อว่ามีถึงหลักแสน” จะเด็จ กล่าว
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ในสังคมไทยมีการสอนว่า “ยุ่งเรื่องครอบครัวคนอื่น พอเขาดีกันเราก็เหมือนหมา (If you intervene now, you become a dog when they reconcile)” กันมารุ่นแล้วรุ่นเล่า ทำให้แม้ในปี 2550 จะมีกฎหมายว่าด้วยการกระทำความรุนแรงในครอบครัว แต่ตำรวจก็ยังลังเลที่จะทำหน้าที่ในเรื่องนี้ ผอ.มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ให้ความเห็นประเด็นนี้ว่า ลำพังกฎหมายอย่างเดียวไม่พอ ต้องให้ความรู้เพื่อเปลี่ยนความเชื่อของสังคมด้วย แต่กว่าจะถึงวันนั้น คงมีผู้หญิงอีกนับพันที่ต้องเก็บงำบาดแผลและความเจ็บปวดเอาไว้ในใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี