เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2562 เว็บไซต์ นสพ. Los Angeles Downtown News สื่อท้องถิ่นของเมืองลอส แองเจลิส มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เสนอรายงานพิเศษ “Out of the Shadows: City Launches Sidewalk Permit Program” เมื่อ 6 ม.ค.2563 ตามเวลาท้องถิ่น ระบุว่า บรรยากาศการค้าแบบหาบเร่แผงลอยในเมืองลอส แองเจลิส เป็นไปอย่างคึกคัก หลังทางการของเมืองทยอยออกใบอนุญาตให้กับผู้ค้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนผ่านจากการกำหนดให้หาบเร่แผงลอยเป็นอาชีพผิดกฎหมาย เป็นอาชีพถูกกฎหมายภายใต้มาตรการจัดระเบียบแทน
สำหรับค่าธรรมเนียมการขอใบอนุญาตนั้นอยู่ที่ 541 เหรียญสหรัฐ หรือราว 1.6 หมื่นบาท แต่ในช่วง 6 เดือนแรกของการบังคับใช้กฎหมาย ค่าธรรมเนียมจะอยู่ที่ 291 เหรียญสหรัฐ หรือราว 8,700 บาท อีกทั้งยังต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้เสียภาษีเงินได้และขึ้นทะเบียนผู้ขายสินค้ากับทางการมลรัฐแคลิฟอร์เนีย รวมถึงขอใบอนุญาตด้านสุขอนามัยจากหน่วยงานสาธารณสุขของเมืองลอส แองเจลิสด้วย นอกจากนี้กฎระเบียบยังระบุสถานที่ที่ผู้ค้าสามารถตั้งแผงหรือนำรถเข็นไปขายสินค้าได้และพื้นที่ที่ห้ามขาย อนึ่ง ผู้ขอใบอนุญาตไม่จำเป็นต้องมีสัญชาติอเมริกันก็ได้
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ก่อนหน้านี้มีการต่อสู้กันระหว่างฝ่ายผู้ค้าหาบเร่แผงลอยที่ต้องการให้ภาครัฐยอมรับเป็นอาชีพอย่างถูกต้องตามกฎหมาย กับฝ่ายผู้ประกอบการร้านค้าในอาคารที่คัดค้านอย่างเต็มที่ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ผู้ค้าหลายคนเป็นชาวต่างประเทศที่เข้ามาอยู่ในเมืองลอส แองเจลิสและต้องการตั้งถิ่นฐานในระยะยาว ที่ผ่านมาผู้ค้ามักถูกปรับบ้าง จำคุกบ้าง หรือแม้แต่ถูกส่งกลับประเทศต้นทาง
กระทั่งในปี 2560 สภาเมืองลอส แองเจลิส เริ่มพิจารณามติแก้ไขกฎหมายยกเลิกความผิดฐานเป็นผู้ค้าหาบเร่แผงลอย ซึ่งเชื่อว่าเพื่อปกป้องการเนรเทศผู้อพยพ ซึ่งไม่เพียงแต่ยุติสถานะอาชีพผิดกฎหมายของผู้ค้าเท่านั้น แต่ยังทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถออกมาตรการจัดระเบียบที่เหมาะสมได้ด้วย กระทั่งมติได้รับความเห็นชอบในอีก 1 ปีให้หลัง ถึงกระนั้น ผู้ประกอบการร้านค้าในอาคารก็ยังไม่มั่นใจว่ามาตรการจัดระเบียบจะสามารถใช้ได้ผลจริง รวมถึงกังวลว่าอาจมีจำนวนผู้ค้ามากเกินไป
เอดูอาร์โด คัมติ (Eduardo Camti) เจ้าของร้านไส้กรอกและอาหารร้อนอื่นๆ ที่มีลูกจ้าง 30 คน กล่าวว่า ตนเปิดร้านมาแล้ว 16 ปี ที่ผ่านมาทางร้านถูกแย่งลูกค้าโดยผู้ค้าหาบเร่แผงลอยที่ล้อมรอบ และตนไม่เชื่อว่ารัฐมีทรัพยากรมากพอจะควบคุมการอนุญาตให้เป็นไปตามเงื่อนไข แม้จะมีการจับกุมผู้กระทำผิดก็คงทำได้เพียงบางรายแต่ไม่อาจปราบปรามได้ทั้งหมด ทั้งนี้ผู้ค้าแผงลอยที่ฝ่าฝืนมาตรการจัดระเบียบจะถูกปรับตั้งแต่ 100-200 เหรียญสหรัฐ หรือราว 3,000-6,000 บาท ในการกระทำผิด 1-3 ครั้งแรก และหากทำผิดครั้งที่ 4 ก็จะถูกเพิกถอนใบอนุญาต
ขณะที่ รูดี เอสปิโนซา (Rudy Espinoza) กรรมการบริหารด้านความเป็นผู้นำขององค์กร Urban Renewal Network แสดงความเป็นห่วงว่าผู้ค้าจำนวนมากจะยังขาดความเข้าใจในการปรับเปลี่ยนสู่สถานะถูกกฎหมาย ตนเห็นว่าหลายรายไม่รู้กฎระเบียบว่าควรจะทำอะไรอย่างไร จึงจำเป็นต้องให้ความรู้กับคนเหล่านี้ด้วย สอดคล้องกับความเห็นของ มาริโอ เฮอร์นันเดซ (Mario Hernandez) พ่อค้าขายไส้กรอกและเบคอน กล่าวว่า ตนเพิ่งรู้เรื่องการต้องขึ้นทะเบียนผู้ค้าเมื่อ 2-3 สัปดาห์ล่าสุด และเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้
อาเดล เฮจคาลิล (Adel Hagekhalil) ผู้อำนวยการองค์กร Street LA ซึ่งเป็นหน่วยงานใหม่ที่ทางการลอส แองเจลิส ตั้งขึ้นมาเพื่อกำกับดูแลการค้าหาบเร่แผงลอยโดยเฉพาะ กล่าวว่า องค์กรเพิ่งเปิดเว็บไซต์ที่อธิบายขั้นตอนการขึ้นทะเบียนไว้ แต่ดูแล้วพบว่าการให้ความรู้กับผู้ค้าโดยตรงน่าจะเป็นวิธีที่เข้าถึงได้ดีกว่าการให้ผู้ค้าศึกษาเองผ่านเว็บไซต์ ทั้งนี้มีศูนย์ธุรกิจ 8 แห่งที่ได้รับมอบหมายให้ช่วยดำเนินการเรื่องใบอนุญาต พร้อมกับย้ำว่าเมืองให้สิทธิ์ผู้ค้าในฐานะพันธมิตรและเพื่อนร่วมงานของเมือง ในทางกลับกันก็หวังว่าพื้นที่ห้ามขายจะไม่ถูกละเมิดด้วย
ขอบคุณเรื่องจาก : http://www.ladowntownnews.com/news/out-of-the-shadows-city-launches-sidewalk-permit-program/article_2a7ff4d2-2e79-11ea-8aad-339e403e2e64.html
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ชัยชนะของรากหญ้า! ทางการLAไฟเขียวปลดล็อก‘หาบเร่แผงลอย’จากอาชีพผิดกฎหมาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี