13 ม.ค. 2563 เว็บไซต์ นสพ. The Guardian ของอังกฤษ เสนอข่าว “Families sending relatives with dementia to Thailand for care” เมื่อ 12 ม.ค. 2563 ระบุว่า การที่ชาวอังกฤษส่งญาติผู้ใหญ่ที่มีภาวะความจำเสื่อมมาดูแลในประเทศไทย แม้ปัจจุบันยังมีไม่มากนักแต่ในอนาคตคาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยเมื่อเร็วๆ นี้ นักวิจัยได้ไปเยี่ยมสถานดูแลผู้สูงอายุแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ และพบผู้สูงอายุชาวอังกฤษถูกส่งมาอยู่ที่นี่ เพราะการได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมที่อังกฤษนั้นเป็นไปไม่ได้
คาเล็บ จอห์นสตัน (Caleb Johnston) นักวิชาการอาวุโสด้านภูมิศาสตร์มนุษย์ มหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล กล่าวว่า ประเทศไทยมีประวัติศาสตร์ยาวนานด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และปัจจุบันกำลังกลายเป็นที่ดูแลผู้ป่วยความจำเสื่อม สถานดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยเหล่านี้บางแห่งดำเนินการโดยชาวอังกฤษ บางแห่งดำเนินการโดยคนไทยแต่มีชาวอังกฤษเป็นผู้ลงทุน และบางแห่งก็ดำเนินการโดนชาวสวิตเซอร์แลนด์ แต่รัฐบาลไทยล้วนให้การสนับสนุน รวมถึงนักลงทุนเอกชนก็ให้ความสนใจ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเศรษฐกิจ
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ในสหราชอาณาจักรมีผู้ป่วยความจำเสื่อมราว 850,000 คน หน่วยงานดูแลในท้องถิ่นมีค่าใช้จ่าย 700 ปอนด์ หรือราว 28,000 บาทต่อสัปดาห์ หรือการดูแลส่วนบุคคลอีก 1,000 ปอนด์ หรือราว 40,000 บาทต่อสัปดาห์ แต่ที่ประเทศไทย การได้รับการดูแลส่วนบุคคลในบรรยากาศระดับโรงแรมสี่ดาว สามารถจ่ายได้ในราคาเพียง 750 ปอนด์ หรือราว 3 หมื่นบาทต่อสัปดาห์เท่านั้น
จอห์นสตัน ซึ่งทำงานร่วมกับ ศ.เจอรัลดีน แพรตต์ (Prof. Geraldine Pratt) หัวหน้าแผนกภูมิศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา เป็นเวลา 9 สัปดาห์ในการสัมภาษณ์ครอบครัวและเจ้าหน้าที่บ้านพักคนชราในประเทศไทย เล่าต่อไปว่า ยังไม่มีตัวเลขแน่ชัดเกี่ยวกับผู้ป่วยความจำเสื่อมที่ถูกส่งมาดูแลในไทย และแม้ว่าตัวเลขที่พบ ณ วันนี้จะดูน้อย แต่หากจำนวนผู้ป่วยความจำเสื่อมเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายในการดูแลย่อมต้องสูงขึ้น ประเทศไทยก็อาจกลายเป็นทางเลือกที่เพิ่มขึ้นด้วย
พอล เอ็ดเวิร์ด (Paul Edwards) ผู้อำนวยการฝ่ายคลินิกแผนกผู้ป่วยความจำเสื่อมสหราชอาณาจักร กล่าวว่า ตนเข้าใจที่ผู้คนเลือกวิธีนั้นเพราะกังวลเกี่ยวกับการดูแลในสหราชอาณาจักร และที่ผ่านมายังไม่มีนักการเมืองคนใดลงมือแก้ไขอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม หลายคนก็พูดคุยกันถึงการเลือกระหว่างความยากลำบากทั้งทางร่างกายและทุนทรัพย์หากยังให้อยู่ในสหราชอาณาจักร กับการส่งตัวข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังอีกฟากหนึ่งของโลก
ปีเตอร์ บราวน์ (Peter Brown) ชาวอังกฤษที่มาลงทุนทำโรงแรม 4 ดาวอยู่ประเทศไทยตั้งแต่เมื่อ 11 ปีก่อน และจากนั้นอีก 6 ปีต่อมาก็เปิดกิจการบ้านพักคนชรา หลังจากที่มีประสบการณ์ไม่ดีนักในการพาแม่ไปเข้ารับการดูแลที่อังกฤษ กล่าวว่า ไม่มีใครอยากส่งญาติผู้ใหญ่ไปไกลบ้าน แต่น่าเสียดายที่ประเทศบ้านเกิดไม่สามารถจัดการดูแลที่ดีได้ ลูกหลานไม่อยากให้ญาติของคนถูกขังในห้องเป็นเวลา 23 ชั่วโมงสลับกับออกมาอยู่ริมระเบียงอีก 1 ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้นพวกเขาจึงมองหาทางอื่น แล้วจะไปกล่าวโทษในสิ่งที่คนเหล่านี้เลือกได้อย่างไร
อนึ่ง วิถีชีวิตแบบชาวตะวันตกไม่สอดคล้องกับการดูแลผู้ป่วยความจำเสื่อม ส่วนประเทศไทยนั้นตรงกันข้าม บราวน์ ระบุว่า ชาวตะวันตกไม่เคารพผู้สูงอายุอีกแล้ว แต่สังคมไทยยังให้ความเคารพผู้สูงอายุและมีวัฒนธรรมครอบครัวที่ดี ขณะที่ อัลลัน ซิมส์ (Allan Sims) ที่พาภรรยาซึ่งเป็นโรคความจำเสื่อมมายังประเทศไทย เล่าว่า ที่บ้านพักคนชราแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ ผู้ป่วยความจำเสื่อม 1 คนจะมีผู้ดูแลเฉลี่ย 3-4 คน ตลอด 24 ชั่วโมง แต่หากเป็นที่อังกฤษ จะมีผู้ดูแลเพียง 15 นาทีในตอนเช้า และอีก 15 นาทีในตอนเย็นเท่านั้น
ขอบคุณเรื่องจาก https://www.theguardian.com/society/2020/jan/12/families-sending-relatives-with-dementia-to-thailand-for-care
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี