เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2563 สำนักข่าว BBC ของอังกฤษ เสนอข่าว “Tesco faces Thai regulatory threat to $10bn deal” ระบุว่า “เทสโก้ โลตัส” ห้างค้าปลีกและร้านสะดวกซื้อเจ้าดังสัญชาติอังกฤษ กำลังเผชิญความเสี่ยงกับกฎหมายว่าด้วยการป้องกันการผูกขาดทางการค้า ในการขายกิจการกว่า 2 พันสาขาในไทยและมาเลเซีย ซึ่งมีนักลงทุนชาวไทย 3 รายที่สนใจซื้อกิจการดังกล่าว
สกนธ์ วรัญญูวัฒนา (Sakon Varanyuwatana) ประธานกรรมการการแข่งขันทางการค้า กล่าวว่า ผู้ที่ได้ครอบครองกิจการของเทสโก้ โลตัส ในประเทศไทย จะได้ครอบครองส่วนแบ่งห้างค้าปลีกและร้านสะดวกซื้อมากกว่าร้อยละ 50 ของทั้งประเทศ ทั้งนี้ผู้ที่ให้ความสนใจมีทั้งซีพี (CP) เซ็นทรัล (Central) และ ทีซีซี กรุ๊ป (TCC Group) อย่างไรก็ตาม กฎหมายของไทยระบุว่า การควบรวมกิจการที่จะทำให้ครองส่วนแบ่งของตลาดมากกว่าครึ่งหนึ่งต้องขออนุญาตต่อคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ผู้ฝ่าฝืนจะถูกปรับไม่เกินร้อยละ 0.5 ของมูลค่าการทำธุรกรรมควบรวมนั้น
รายงานของ BBC กล่าวต่อไปว่า ทั้งซีพีและเซ็นทรัลยังไม่ได้ชี้แจงใดๆ ในเรื่องนี้ ซึ่งกิจการของเทสโก้ โลตัส ในประเทศไทยคิดเป็นร้อยละ 28 ของตลาด ผู้ที่ได้ครอบครองย่อมหมายถึงการควบคุมห่วงโซ่อุปทานลึกไปถึงเกษตรกร และผู้นั้นย่อมกำหนดราคากับทั้งคู่ค้าและผู้บริโภคได้ อนึ่ง ปัจจุบันราคาสินทรัพย์ของเทสโก้ โลตัส ในไทยและมาเลเซีย ทะยานขึ้นไปอยู่ที่ 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 3 แสนล้านบาท
สกนธ์ ย้ำว่า ผู้ใดที่จะซื้อกิจการนี้ จะต้องถูกตรวจสอบเสียก่อนว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคการค้าปลีกของไทยอย่างไร เพื่อให้มั่นใจว่ายังมีการแข่งขัน ซึ่งผู้ชนะการประมูลสามารถซื้อกิจการได้ภายใต้เกณฑ์ที่คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าแจ้งเตือนไป โดยคณะกรรมการจะต้องแน่ใจว่าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) จะไม่บาดเจ็บ นอกจากนี้ กฎหมายยังห้ามกรรมการในคณะกรรมการชุดนี้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐ หรือผู้บริหารบริษัทเอกชน
ขณะที่ พรนภา เหลืองวัฒนากิจ (Pornapa Luengwattanakit) จากบริษัทที่ปรึกษากฎหมาย Baker & McKenzie ให้ความเห็นว่า ในอดีตมีข้อกังวลเรื่องอิทธิพลของภาคธุรกิจเอกชนต่อการตัดสินใจดำเนินนโยบายของนักการเมือง แต่กฎหมายฉบับใหม่ คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าเป็นองค์กรอิสระ จึงดูจะมีความกระตือรือร้นในการทำหน้าที่ ทั้งนี้ บทบาทของคณะกรรมการฯ จะถูกจับตามองว่าข้อเสนอต่างๆ ของเอกชนที่มีสายสัมพันธ์กับฝ่ายการเมือง จะสามารถคุกคามต่อความเป็นอิสระ จนส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของคณะกรรมการฯ ได้หรือไม่
ขอบคุณเรื่องจาก : https://www.bbc.com/news/business-51106295
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี