วอชิงตัน (เอพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ รอดพ้นกระบวนการถอดถอนจากตำแหน่งประธานาธิบดี หลังวุฒิสภาโหวต 53 ต่อ 47 เสียง ให้พ้นผิดทั้งสองข้อกล่าวหา คือ ใช้อำนาจในทางมิชอบ และขัดขวางกระบวนการตรวจสอบของรัฐสภา
หลังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติให้เดินหน้ากระบวนการถอดถอนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ปีก่อน จาก2 ข้อกล่าวหา คือ ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบและขัดขวางสภาคองเกรส สืบเนื่องจากถูกกล่าวหาขู่อายัดเงินช่วยเหลือทางการทหารกดดันยูเครนให้สอบสวนข้อกล่าวหาคอร์รัปชั่นต่อนายโจ ไบเดน ตัวเต็งได้เป็นผู้แทนพรรคเดโมแครตลงสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีแข่งกับเขา ซึ่งทรัมป์ปฏิเสธ ล่าสุดเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่น วุฒิสภาซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ลงมติเสียงข้างมาก 53 ต่อ 47 เสียง ให้ทรัมป์พ้นผิดทั้ง 2 ข้อกล่าวหาคือใช้อำนาจในทางมิชอบจากการกดดันยูเครนให้ช่วยเขาได้รับการเลือกตั้งสมัยที่ 2 โดยตรวจสอบคู่แข่งทางการเมือง คือ นายโจ ไบเดนและบุตรชาย ซึ่งเคยเป็นผู้บริหารบริษัทพลังงานในยูเครน เพื่อแลกกับความช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐ และข้อหาขัดขวางกระบวนการตรวจสอบของรัฐสภา ทำให้จนถึงขณะนี้ยังไม่มีประธานาธิบดีสหรัฐคนใดถูกปลดออกจากตำแหน่งผ่านกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอน
หลังทราบผลการลงมติซึ่งเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่าเขาได้รับชัยชนะ เช่นเดียวกับทีมหาเสียงของทรัมป์ระบุว่า ประธานาธิบดีเป็นผู้บริสุทธิ์โดยสิ้นเชิง ตอนนี้ถึงเวลากลับไทำงานเพื่อชาวอเมริกัน พรรคเดโมแครตที่ไม่ทำอะไรเลย รู้ดีว่าไม่สามารถเอาชนะได้จึงพยายามหาหนทางถอดถอนประธานาธิบดี แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ ขณะที่รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ กล่าวว่า พรรคเดโมแครตได้พยายามแต่ล้มเหลวในการถอดถอนทรัมป์เนื่องจากไม่ต้องการให้ทรัมป์ลงแข่งขันเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่ 2
สำหรับทรัมป์ได้ชื่อว่าเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 3 ที่เข้าสู่กระบวนการถอดถอนออกจากตำแหน่งต่อจากอดีตประธานาธิบดีแอนดรู จอห์นสัน เมื่อปี 2411 และอดีตประธานาธิบดีบิลล์ คลินตัน เมื่อปี 2542แม้ที่ผ่านมาจะไม่มีใครถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งจริงๆ และการรอดพ้นจากการถูกถอดถอน ก็ทำให้ทรัมป์สามารถเร่งเดินหน้าหาเสียง เตรียมความพร้อมก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีปลายปีนี้
ส่วนนางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ระบุว่า รู้สึกประทับใจในถ้อยแถลงของนายมิตต์ รอมนีย์ วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกัน ที่แปรพักตร์มาลงคะแนนให้พรรคเดโมแครต ว่า การลงมติในครั้งนี้เปิดโอกาสให้ทั้ง 2 พรรคมีส่วนร่วมแม้ว่าจะไม่สำเร็จก็ตาม ก่อนหน้านี้เปโลซีออกมาระบุถึงสาเหตุที่ตัดสินใจฉีกสุนทรพจน์ของทรัมป์ในระหว่างที่ทรัมป์กล่าวปิดการแถลงนโยบายประจำปี ว่า สุนทรพจน์ดังกล่าวเป็นคำประกาศที่เป็นเท็จ
อย่างไรก็ดี นายเจอร์รี แนดเลอร์ประธานคณะกรรมาธิการกระบวนการยุติธรรมจากพรรคเดโมแครตกล่าวว่า สภาคองเกรสกำลังพิจารณาเรียกตัวนายจอห์น โบลตัน อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของนายทรัมป์มาสอบสวน เนื่องจากนายโบลตันเคยเปิดเผยว่านายทรัมป์เคยขอให้เขาช่วยกดดันยูเครน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี