23 มี.ค. 2563 สำนักข่าวอัลจาซีราของกาตาร์ เสนอข่าว “Bangkok slum residents prepare for worst as virus grips Thailand” ว่าด้วยช่วงเวลาอันยากลำบากของผู้คนระดับฐานรากในกรุงเทพฯ เมืองหลวงของไทย ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 จนทำให้ทางการสั่งปิดสถานที่ต่างๆ ไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งแม้จะมีเป้าหมายให้ผู้คนไม่ออกมาทำกิจกรรมรวมกลุ่มกันจนเสี่ยงมีผู้ติดเชื้อเพิ่ม แต่ก็ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจระดับครัวเรือนอย่างมากเช่นกัน
อาทิ “ชุมชนคลองเตย” ชุมชนแออัดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ Maliwan Kamdaeng หญิงวัย 44 ปี ทำงานในพนักงานบริษัทขนส่งสินค้าแห่งหนึ่ง เล่าว่า วันนี้ตนยังไปทำงานแม้จะรู้สึกกังวลว่าอาจติดเชื้อตั้งแต่ระหว่างการเดินทางไปจนถึงในที่ทำงาน แต่สิ่งที่กังวลไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันคือหากบริษัทหยุดทำการก็จะขาดรายได้ ซึ่งตนเป็นเสาหลักหาเลี้ยง 5 ชีวิตที่เป็นเด็กและ 3 ชีวิตที่เป็นผู้ใหญ่ในครอบครัว แต่ถ้าสุดท้ายเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็คงต้องหาอะไรทำ เช่น ดูจากอินเตอร์เน็ตหรือรับจ้างซักผ้า หรืออื่นๆ ที่สามารถทำได้ที่บ้าน
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า แม้จะมีข้อมูลบ่งชี้ว่าไวรัสโควิด-19 เป็นภัยคุกคามที่มุ่งทำอันตรายต่อผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน มะเร็ง แต่คนอื่นๆ ที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขหรือต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขอนามัยก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ซึ่ง เซซิเลีย ทาโคลี (Cecilia Tacoli) นักวิจัยจากองค์กร Human Settlements, for International Institute for Environment and Development (IIED) ให้ความเห็นว่า แนวคิด “การเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ไม่สามารถทำได้จริงในบริบทของคนจน
“การตั้งถิ่นฐานของผู้มีรายได้น้อยในเมืองของประเทศรายได้ต่ำและปานกลางมักมีประชากรหนาแน่นมากในขณะที่ระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานไม่เพียงพอ ซึ่งนั่นกลายเป็นปัจจัยเอื้อต่อการระบาดของโรคติดต่อ คนจนในเมืองใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงการจ้างงานในระบบ พวกเขามีรายได้เพียงเล็กน้อยจากการจ้างงานอย่างไม่เป็นทางการ และนั่นทำให้แนวปฏิบัติต่างๆ เช่น การล้างมือบ่อยๆ การเว้นระยะห่างทางสังคมและการและการทำงานที่บ้านไม่สามารถทำได้จริง” ทาโคลี อธิบาย
ทาโคลี ยังกล่าวอีกว่า แม้จะเป็นที่ชัดเจนเรื่องผู้สูงอายุคือกลุ่มเสี่ยงสูงสุดจากไวรัสโควิด-19 แต่บนโลกใบนี้มีคน 3 พันล้านคนที่อาศัยในชุมชนแออัด และพวกเขายังเป็นประชากรส่วนใหญ่ในหลายๆ เมือง นอกจากนี้ผู้สูงอายุซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงทำหน้าที่ดูแลเด็กและญาติพี่น้องคนอื่นๆ ที่ป่วย ข้อสังเกต 2 ประการนี้สมควรพิจารณาในกรณีที่สถานการณ์ไปถึงระดับเลวร้ายที่สุด
เช่นเดียวกับ ศ.เอริค เฟฟรี (Prof.Eric Fevre) สัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ มหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ที่กล่าวว่า ความหนานแน่นของผู้คนและการไม่อาจสร้างระยะห่างทางสังคมอย่างมีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสำคัญในการระบาดของโรค อาทิ กรณีครอบครัวขยายในชุมชนแออัดที่บ้านหนึ่งหลังมักมีไม่กี่ห้อง หรือแม้แต่ตัวบ้านทั้งหลังคือห้องห้องเดียวกัน การกักตัวอาจกลายเป็นอันตราย
ทั้งนี้ชาวชุมชนแออัดก็ไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวจากส่วนอื่นๆ ของเมือง ดังเช่นชุมชนคลองเตย คนที่นี่ทำงานหลากหลายตั้งแต่พนักงานประจำสำนักงาน พนักงานโรงแรม พนักงานขนส่งมวลชน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เพื่อทำให้ชีวิตของเมืองยังคงดำเนินต่อไป และดูเหมือนจนถึงปัจจุบันรัฐบาลไทยยังไม่แจ้งเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อไวรัสโควิด-19 กับชาวชุมชนเหล่านี้ อนึ่ง รายงานข่าวทิ้งท้ายด้วยคำพูดของ Maliwan ภายหลังทางการสั่งปิดสถานที่ต่างๆ เกือบทั้งหมดทั่วกรุงเทพฯ ว่า หากสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ตนจะพยายามให้ลูกๆ อยู่แต่ในบ้าน
“ฉันจะพยายามปกป้องพวกเขาให้ดีที่สุด เราจะสวมหน้ากากและทำให้บ้านสะอาด เราจะอยู่ด้วยกัน” Maliwan กล่าวในท้ายที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี