เจ้าหญิงมาเรียแห่งสเปน
ติดไวรัสสิ้นพระชนม์
ปธน.ทรัมป์จัดเต็มเยียวยา
งบ2.2ล้านล้านดอลลาร์
เร่งผลิตเครื่องช่วยหายใจ
อิตาลีสังเวยทะลุ9พันศพ
เจ้าหญิงมาเรีย เทเรซา แห่งบูร์บอง-ปาร์มา สิ้นพระชนม์จากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ถือเป็นเชื้อพระวงศ์พระองค์แรกของโลก ที่สิ้นพระชนม์ จากโรคนี้ ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐลงนามร่างมาตรการช่วยเหลือครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศ มูลค่า 2.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ(ราว 71.39 ล้านล้านบาท) เพื่อรับมือผลกระทบทางเศรษฐกิจอันเกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19พร้อมมีคำสั่งให้เจนเนอรัล มอเตอร์สหรือจีเอ็ม ผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่เร่งผลิตเครื่องช่วยหายใจให้ผู้ป่วย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างคำแถลงของเจ้าชายซิสตุส อองรี ดยุคแห่งปาร์มา ประมุขของราชวงศ์บูร์กบง-ปาร์มา (Bourbon-Parma royal) ซึ่งทรงประกาศว่า เจ้าหญิงมาเรีย เทเรซา แห่งบูร์กบง-ปาร์มาสิ้นพระชนม์จากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด-19 เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่โรงพยาบาลในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส สิริพระชันษาได้ 86 ปี ขณะนี้พระศพถูกเคลื่อนไปยังกรุงมาดริด ประเทศสเปน เพื่อประกอบพิธีรำลึกและไว้อาลัย นับเป็นเชื้อพระวงศ์พระองค์แรกของโลก ที่สิ้นพระชนม์จากโรคโควิด-19
เจ้าหญิงมาเรีย เทเรซา ประสูติเมื่อ 28 กรกฎาคม 1933 ทรงเป็นพระธิดาในเจ้าชายซาเวียร์ ดยุคแห่งปาร์มาและปิอาเชนซ่า และเจ้าหญิงเมเดอลีน และเป็นพระปิตุจฉาในเจ้าชายคาร์ลอส ดยุคแห่งปาร์มา ประมุขของราชวงศ์บูร์บอง-ปาร์มา พระองค์สิ้นพระชนม์โดยที่ไม่เคยผ่านการเสกสมรสหรือมีโอรส-ธิดาของพระองค์เอง แต่ทรงเป็นพระญาติของสมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเปที่ 6 กษัตริย์แห่งสเปน และเป็นพระญาติสมเด็จพระราชาธิบดีวิลเลม-อเล็กซานเดอร์ กษัตริย์แห่งเนเธอร์แลนด์ รวมถึงเจ้าชายไฆเม และเจ้าหญิงมาเรีย-แคโรไลน์
ขณะที่ราชวงศ์บูร์กบง-ปาร์มา เคยปกครองดินแดนราชรัฐปาร์มา ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี ก่อนมีการผนวกแผ่นดินดังกล่าวเมื่อปี 1859 ในการรวมชาติของอิตาลี ปัจจุบัน ราชวงศ์บูร์กบง-ปาร์มา เป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์เนเธอร์แลนด์ เนื่องด้วยเจ้าชายคาร์ลอส ดยุคแห่งปาร์มา เป็นพระโอรสในเจ้าหญิงไอรีนแห่งเนเธอร์แลนด์
ก่อนหน้านี้ มีเชื้อพระวงศ์หลายพระองค์ป่วยเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นเจ้าชายอัลแบร์ พระชนพรรษา 62 พรรษาแห่งราชรัฐโมนาโก เช่นเดียวกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารแห่งเวลส์ของราชวงศ์อังกฤษ พระชนพรรษา 71 พรรษา ก็ทรงป่วยด้วยโรคโควิด-19 เช่นกัน แต่ทั้งสองพระองค์อาการไม่รุนแรง ยังทรงมีพลานามัยแข็งแรงดี และอยู่ระหว่างกักพระองค์ ขณะสุลต่าน อับดุลลาห์ สมเด็จพระราชาธิบดี พระประมุขแห่งมาเลเซีย และสมเด็จพระราชินีตุนกู อาซิซะห์ อมินาห์ ไหมมุนาห์ อิสกันดารีอะห์ พระชายา สมัครพระทัยกักพระองค์เป็นเวลา 14 วัน หลังจากข้าราชบริพารในพระราชวังอิสตานา เนการา 7 คน ตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคโควิด-19 แต่ทั้งสองพระองค์ไม่ติดเชื้อและไม่ได้แสดงอาการประชวร เจ้าหน้าที่กำลังเร่งสอบสวนหาแหล่งระบาดที่ทำให้ข้าราชบริพารในพระราชวังทั้ง 7 คนติดเชื้อว่ามาจากที่ไหน พร้อมทำความสะอาดฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อภายในพระราชวัง
สหรัฐทุ่ม2.2ล้านล้านดอลล่า
ส่วนสถานการณ์การการรับมือการแพร่ระบาดในประเทศต่างๆ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ เร่งลงนามร่างมาตรการช่วยเหลือครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศ มูลค่า 2.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 71.39 ล้านล้านบาท) แล้วเพื่อรับมือผลกระทบทางเศรษฐกิจอันเกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากผ่านความเห็นชอบร่างนี้เมื่อวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐ ตามหลังวุฒิสภาที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากและเป็นผู้ร่างมาตรการนี้ เป็นการร่วมใจที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก สะท้อนถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ในสหรัฐที่มีผู้ป่วยโควิด-19 โดยตัวเลขพุ่งขึ้นไปกว่า 104,256 คน นับเป็นยอดผู้ติดเชื้อสูงที่สุดในโลก และเป็นเพียงประเทศเดียวที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งเกินหลักแสน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 1,704 คน
สำหรับรายละเอียดของมาตรการความช่วยเหลือนี้ ประกอบด้วยการช่วยเหลืออุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบหนัก 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 16.22 ล้านล้านบาท) การให้เงินโดยตรง 290,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.41 ล้านล้านบาท) แก่ประชาชนสูงสุดครอบครัวละ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 97,360 บาท) การให้สินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 11.36 ล้านล้านบาท) การช่วยเหลือการว่างงาน 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.11 ล้านล้านบาท) และการช่วยเหลือโรงพยาบาลและระบบสาธารณสุข 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.24 ล้านล้านบาท) เร่งสร้างเครื่องช่วยหายใจ
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีทรัมป์ยังสั่งให้เจนเนอรัล มอเตอร์สหรือจีเอ็ม ผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ของประเทศอย่ามัวแต่เสียเวลา และเร่งผลิตเครื่องช่วยหายใจให้แก่ผู้ป่วยโรคโควิด-19 หลังจากเพิ่งทวิตแสดงความไม่พอใจว่า จีเอ็มได้ลดจำนวนเครื่องช่วยหายใจที่รับปากจะผลิต 40,000 เครื่องเหลือ 6,000 ครื่อง และต้องการขายในราคาแพงมาก พร้อมกับวิจารณ์นางแมรี แบร์รา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอจีเอ็มว่า มักทำทุกเรื่องวุ่นวาย
จีเอ็มซึ่งตั้งอยูในเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกนเผยเมื่อวันศุกร์ว่า สามารถผลิตเครื่องช่วยหายใจได้เดือนละไม่ต่ำกว่า 10,000 เครื่องนับตั้งแต่เดือนหน้า โดยร่วมกับเวนเทกไลฟ์ซิสเต็มส์ ผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ในเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน ผลิตเครื่องช่วยหายใจที่โรงงานของจีเอ็มในเมืองโคโคโม รัฐอินดีแอนา ส่วนโรงงานที่เมืองวอร์เรน รัฐมิชิแกนจะใช้ผลิตหน้ากากอนามัย
อิตาลียังวิกฤติหนัก
ส่วนสถานการณ์ในอิตาลียังวิกฤต มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มอีก 969 คน ทำให้ยอดรวมเพิ่มเป็น 9,134 คน นับเป็นจำนวนผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก ส่วนผู้ติดเชื้อมีราว 86,500 คน มากเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐ ตลอดหลายวันที่ผ่านมาทางการได้ใช้มาตรการปิดเมืองทั่วประเทศ เพื่อลดการเดินทางของประชาชน รวมทั้งสั่งปิดร้านค้าที่ไม่จำเป็น เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ส่วนผู้ฝ่าฝืนมาตรการของรัฐจะมีโทษปรับหนักมาก
ด้านสเปนมีผู้ป่วยโควิด-19 แล้วกว่า 65,000 คน เสียชีวิต 5,138 คน ล่าสุด บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพเซินเจิ้นไบโออีซี่ ประเทศจีน เตรียมส่งชุดตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาใหม่ไปให้สเปน เพื่อใช้แทนชุดตรวจที่รัฐบาลสเปนระบุว่าไม่มีความแม่นยำในการตรวจหาเชื้อ พร้อมกับอ้างว่าผลตรวจที่ออกมาไม่แม่นยำอาจเป็นเพราะการเก็บตัวอย่างหรือการใช้งานไม่ถูกต้อง เพราะที่ผ่านมาบริษัทไม่ได้ชี้แจงให้ลูกค้าเข้าใจอย่างเพียงพอเรื่องวิธีการใช้งาน
ขณะที่มีรายงานว่า นายแมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษ ยืนยันว่า เขาป่วยเป็นโรคโควิด-19 และจะกักตัวเองในบ้านพักจนถึงสัปดาห์หน้า เป็นสมาชิกในคณะรัฐบาลอังกฤษคนล่าสุดที่ป่วยเป็นโรคนี้ ตามหลังนางนาดีน ดอร์รีส์ รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุขอังกฤษ และนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ซึ่งก็กำลังกักตัวเองในบ้านพักเลขที่ 10 ถนนดาวนิงในกรุงลอนดอน ล่าสุด รัฐบาลอังกฤษออกแถลงการณ์ยืนยันว่า หากนายจอห์นสัน กลายเป็นเป็นผู้ที่ไร้สมรรถภาพในการบริหารประเทศจากอาการป่วย นายโดมินิก ร้าบ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว
ทั่วโลกป่วยทะลุครึ่งล้าน
สำนักข่าวซินหัวรายงาน องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่ายอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่ได้รับการยืนยันผลทั่วโลกทะลุเกินครึ่งล้าน และยอดผู้ป่วยเสียชีวิตมากกว่า 20,000 รายแล้ว ซึ่งเป็น “สถิติอันน่าเศร้าสลด”
เทดรอส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การฯ กล่าวว่ายังคงต้องรอนานอย่างน้อย 12-18 เดือน กว่าจะมีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 พร้อมตอกย้ำความจำเป็นเร่งด่วนในการบำบัดรักษาผู้ป่วยและลดจำนวนผู้เสียชีวิต
“การทดลองอันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” (Solidarity Trial) ซึ่งหมายถึงการทดลองทางคลินิกของหลายประเทศเพื่อแสวงหาหนทางรักษาโรคโควิด-19 เป็นการทดลองครั้งประวัติศาสตร์ที่จะช่วยให้การพิสูจน์หลักฐานเกี่ยวกับยาที่มีประสิทธิผลทางการรักษา
เทดรอสประกาศว่าผู้ป่วยชุดแรกในนอร์เวย์และสเปนจะเข้าร่วมการทดลองทางคลินิกในเร็วๆ นี้ เพื่อเปรียบเทียบความปลอดภัยและประสิทธิภาพของยาเดี่ยวหรือยาผสมที่อาจมีศักยภาพรักษาโรคโควิด-19 จำนวน 4 รายการ
“ยิ่งประเทศต่างๆ เข้าร่วมการทดลองเพิ่ม ก็ยิ่งช่วยให้เราได้ผลลัพธ์เร็วขึ้น” เทดรอสกล่าว โดยปัจจุบันมีประเทศและภูมิมากกว่า 45 แห่ง กำลังร่วมมือกันทดลองทางคลินิกเพื่อค้นหาวิธีการรักษา และคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมเพิ่มขึ้นอีก
ขณะเดียวกันเทดรอสเรียกร้องการหลีกเลี่ยงวิธีบำบัดรักษาที่ไม่ได้แสดงประสิทธิผลทางการรักษาโรคโควิด-19 โดยเน้นย้ำว่า “ไม่มีทางลัด” และต้องยึดถือหลักฐานที่มีการพิสูจน์ตรวจสอบ เรียนรู้อย่างต่อเนื่องว่าวิธีการใดที่ได้ผลลัพธ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี