สหรัฐแซงจีน
ยอดตายโควิด-19ทะลุ4พัน
ทรัมป์เตือนใกล้ช่วงอันตราย
หวั่นเสียชีวิตพุ่งเกิน2แสนคน
เยอรมนี-อังกฤษ-อิตาลีวิกฤติ
ยอดผู้เสียชีวิตไวรัสโควิด-19 สหรัฐพุ่งไม่หยุด ทะลุ 4 พันราย แซงหน้าจีนไปแล้ว ผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มเกือบ 25,000 คน ภายในวันเดียว “ทรัมป์” เตือน สหรัฐ เตรียมรับมือการระบาดหนักช่วง 2 สัปดาห์ต่อจากนี้หวั่นหากไม่มีมาตรการป้องกัน อาจมีผู้เสียชีวิตถึง 2 แสนสถานการณ์ในยุโรป ทั้งเยอรมนี อิตาลี อังกฤษ ต่างอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ยอดผู้ป่วย-เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยอดติดเชื้อทั่วโลกพุ่ง 8.6 แสนราย ดับทะลุ4.2หมื่นราย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ ไวรัสโควิด-19 จากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ว่า วันที่ 1 เมษายน 2563 มียอดผู้ติดเชื้อรวม 862,574 ราย ผู้เสียชีวิตรวม 42,528 ราย รักษาหายรวม 179,127 ราย
สหรัฐวิกฤติ! ยอดตายแซงหน้าจีน
โดยสถานการณ์แพร่ระบาดในสหรัฐยังคงวิกฤติล่าสุด ยอดผู้เสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 4,056 คนแล้ว ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงกว่าจีนซึ่งเป็นต้นทางของการแพร่ระบาดที่มีผู้เสียชีวิต 3,312 คน ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐยังคงเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงมากในรอบวันที่ผ่านมาพบเพิ่มอีกเกือบ 25,000 คน ทำให้เวลานี้สหรัฐมีผู้ติดเชื้อสะสมแล้ว 188,592 คน
ล่าสุด นายคริส คูโอโม ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ซึ่งเป็นน้องชายของ นายแอนดรู คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ก็ติดเชื้อด้วย ทำให้เขาต้องทำงานมาจากบ้านตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา
ทรัมป์หวั่นเสียชีวิตทะลุ2แสนราย
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และที่ปรึกษาทำเนียบขาวด้านสาธารณสุข เรียกร้องให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด หลังจากที่ทรัมป์ประกาศขยายเวลาใช้มาตรการนี้ไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน ผู้นำสหรัฐยังกล่าวด้วยว่าช่วงเวลา 2 สัปดาห์ต่อจากนี้จะเป็นช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดและหากไม่มีมาตรการป้องกันใดๆ ก็อาจจะมีชาวอเมริกันต้องเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 ได้มากกว่า 200,000 คน
เร่งหาสถานที่รองรับผู้ป่วย
ด้านกองทัพบกสหรัฐต้องเร่งหาสถานที่เช่นโรงแรม หอพัก และศูนย์การประชุมเพื่อใช้เป็นโรงพยาบาลชั่วคราว ซึ่งสหรัฐตั้งเป้าว่าจะสร้างให้ได้ถึง 341 แห่ง
ขณะที่นครนิวยอร์กซึ่งเป็นพื้นที่แพร่ระบาดรุนแรงที่สุดในประเทศ มีการเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่โดยนำเอาศูนย์การประชุมหลายแห่งมาดัดแปลงเป็นโรงพยาบาลสนาม ด้านกองทัพเรือก็ส่งเรือพยาบาลขนาด 1,000 เตียงพร้อมห้องผ่าตัด 12 ห้องเข้ามาประจำการ
ส่วนองค์กรการกุศลและอาสาสมัครก็ช่วยกันเปิดโรงพยาบาลหลายหลังบริเวณสวนสาธารณะเซ็นทรัลปาร์ค โดยโรงพยาบาลเหล่านี้รวมทั้งเรือพยาบาลของกองทัพเรือจะทำหน้าที่รองรับผู้ป่วยอื่นๆ ที่ไม่ใช่ผู้ป่วยโควิด-19 เพื่อแบ่งเบาภาระจากโรงพยาบาลหลักที่ต้องทุ่มเทสรรพกำลังไปกับการรักษาผู้ป่วยโควิด- 19 ที่มีจำนวนมากขึ้นทุกวัน ขณะที่รัฐบาลกลาง ได้ส่งรถพยาบาล 250 คัน และรถห้องเย็นสำหรับบรรทุกศพ 85 คัน มายังนครนิวยอร์ก
ยอดติดเชื้อ‘นิวยอร์ก’แซง‘หูเป่ย’
มีรายงานว่า รัฐนิวยอร์กของสหรัฐ มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอเกิดโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้น 9,300 รายนับจนถึงเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้จำนวนรวมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ประมาณ 76,000 ราย มากกว่ามณฑลหูเป่ย์ของจีน ซึ่งเชื่อว่า เป็นจุดศูนย์กลางการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่มียอดผู้ติดเชื้อ ณ วันที่ 30 มีนาคม ที่ผ่านมาทั้งสิ้น 67,801 ราย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในรัฐนิวยอร์กมีจำนวนมากกว่า 1,500 ราย ขณะที่ในมณฑลหูเป่ยมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 3,100 ราย
รัสเซียส่งเวชภัณฑ์ช่วยสหรัฐ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย โดยอ้างจากรายงานของสำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ ว่า เครื่องบินคาร์โกของกระทรวงกลาโหมรัสเซียส่งเวชภัณฑ์และสิ่งของจำเป็นด้านสาธารณสุขจำนวนมากไปยังสหรัฐ เพื่อสนับสนุนภารกิจด้านสาธารณสุขของรัฐบาลวอชิงตัน ในการต่อสู้กับวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 โดยคาดว่า สิ่งที่ส่งไปจะมีหน้ากากอนามัยและเครื่องช่วยหายใจรวมอยู่ด้วย
นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่าการดำเนินการของรัสเซียเกิดขึ้นหลังการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
เยอรมนีป่วยทะลุก7หมื่นราย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำนักงานควบคุมโรคระบาดของเยอรมนีรายงานว่าภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เยอรมนีมีผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 71,808 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 775 ราย
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ก่อน เยอรมนีเริ่มบังคับใช้มาตรการจำกัดอย่างเข้มงวดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งยังห้ามประชาชนรวมกลุ่มกันมากกว่า 2 คน ตลอดจนการเดินทางด้วยกิจที่ไม่จำเป็น
ชเตฟเฟน ไซแบร์ต (Steffen Seibert) โฆษกรัฐบาลเยอรมนี ระบุว่าการติดตามประเมินผลในระยะครึ่งแผน (mid-term review) ชี้ว่ายังไม่ควรผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ที่ใช้อยู่ในขณะนี้ เพื่อมิให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคมากขึ้น
อังกฤษตายเสียชีวิตสะสม1.7พันราย
ขณะที่ กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ เปิดเผยตัวเลขผู้เสียชีวิตรายใหม่ในประเทศ เพิ่มขึ้นถึง 381 คน นับเป็นตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันจากโควิด-19 มากที่สุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดในประเทศ ในจำนวนผู้เสียชีวิตรายใหม่นี้ มีเด็กชายวัย 13 ปีรวมอยู่ด้วย และเชื่อว่าเป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุน้อยที่สุดในอังกฤษ จนถึงขณะนี้ อังกฤษพบผู้ติดเชื้อโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แล้ว 25,150 คน เสียชีวิตสะสมอีกกว่า 1,789 คน
นายไมเคิล โกฟ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เผยอังกฤษต้องเร่งเดินหน้าตรวจทดสอบการติดเชื้อให้กับบุคลากรทางการแพทย์และบุคคลกลุ่มอื่นๆ โดยเร็ว ขณะเดียวกัน รัฐบาลอังกฤษได้ส่งเครื่องช่วยหายใจกว่า 8,000 เครื่องไปยังโรงพยาบาลต่างๆ แล้ว แต่ยังมีความต้องการเครื่องช่วยหายใจอยู่อีกมาก เพื่อนำไปช่วยชีวิตผู้ป่วยติดเชื้อ
โดยอังกฤษได้เร่งก่อสร้างโรงพยาบาลใหม่ขนาด 4,000 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในประเทศ โดยโรงพยาบาลแห่งใหม่นี้เป็นการนำศูนย์แสดงสินค้ากลางกรุงลอนดอน มาดัดแปลงให้เป็นโรงพยาบาลชั่วคราว และคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายสัปดาห์นี้
อิตาลียอดดับสะสม1.2หมื่นราย
ส่วนที่อิตาลี มีการเปิดเผยยอดผู้เสียชีวิตสะสม 12,428 คนแล้ว ยอดผู้ติดเชื้อสะสมขยับขึ้นไปอยู่ที่กว่า 105,792 คน ทางการอิตาลียังคงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเว้นระยะห่างทางสังคม ว่าเป็นกฎเหล็กที่อิตาลีต้องบังคับใช้ไปอีกหลายวันหรือหลายสัปดาห์ เพื่อยับยั้งการระบาดของโรคโควิด-19 ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ด้านสิ่งแวดล้อมของอิตาลี ได้เข้าทำความสะอาดจัตุรัสอิล ดูโอโม ที่ตั้งของมหาวิหารที่มีชื่อเสียง กลางเมืองมิลาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่
ศก.นานาชาติได้รับผลกระทบหนัก
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าวผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจในหลายประเทศทั่วโลก อาทิ “Japan’s business mood hits seven-year low as virus revives deflation specter” ระบุว่า ธนาคารกลางของประเทศญี่ปุ่น สำรวจพบความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจรายใหญ่ในญี่ปุ่นลดต่ำสุดในรอบ 7 ปี ตั้งแต่ผู้ประกอบการโรงแรมไปจนถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น ในภาคบริการและการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากแนวคิดการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) และห้ามการเดินทาง โดยเฉพาะกำลังใจในการดำรงอยู่ของธุรกิจโรงแรมลดต่ำสุดในรอบ 16 ปี เพราะการระบาดของโรคทำให้การเดินทางทั้งในและต่างประเทศลดลง ส่วนความเชื่อมั่นของภาคการผลิตที่ไม่ใช่ธุรกิจรายใหญ่อยู่ที่ติดลบ 8 จากเดิมอยู่ที่บวก 20 ในเดือน ธ.ค. 2563 ผู้ประกอบการไม่ว่ารายใหญ่หรือรายเล็กไม่ได้คาดคิดว่าทุกอย่างจะเลวร้ายลงในอีก 3 เดือนข้างหน้า
คาดดัชนีความเชื่อมั่นลดลงต่อเนื่อง
ขณะที่ U.S. consumer confidence approaches three-year low ระบุว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดต่ำสุดในรอบ 3 ปี อยู่ที่ 120.0 นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560 ทั้งที่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ยังเป็นขาขึ้นโดยอยู่ที่ 132.6 ขณะที่ผู้ขอขึ้นทะเบียนรับสิทธิประโยชน์คนว่างงานเพิ่มขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 3.28 ล้านคน ส่วนกิจกรรมทางธุรกิจหยุดชะงักกะทันหันในเดือนมีนาคม 2563 หลังภาครัฐใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อสกัดการแพร่กระจายของโรค
รวมถึงมีการคาดการณ์ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะยังคงลดต่ำลงต่อไปเนื่องจากวิกฤติไวรัสโควิด-19 ทวีความรุนแรงขึ้น และการลดลงในเดือนมีนาคม 2563 สะท้อนภาพการหดตัวอย่างรุนแรงมากกว่าความตกใจชั่วคราว ไม่ต่างจากดัชนีความเชื่อมั่นในการหางานทำ การสำรวจในเดือน ก.พ. 2563 ยังอยู่ที่ 32.6 แต่เมื่อถึงเดือนมีนาคม 2563 ก็ลดลงมาอยู่ที่ 31.0 ขณะที่อัตราการว่างงานในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 อยู่ที่ร้อยละ 3.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในเดือนมีนาคม 2563 สอดคล้องกับการปิดกิจการที่เพิ่มสูงขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี