9 เม.ย. 2563 หลังจากรัฐบาลหลายประเทศใช้มาตรการล็อกดาวน์ (Lockdown) ปิดบ้าน-ปิดเมืองเพื่อสกัดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งอีกด้านก็ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจและสังคมอย่างมาก สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ได้เผยแพร่รายงานพิเศษ “U.K. Coronavirus Lockdown: What Are the Options for Ending It?” ว่าด้วยผู้คนในประเทศอังกฤษ กำลังพูดคุยกันถึงแนวทางการยุติมาตรการดังกล่าว ซึ่งก็มีหลากหลายความเห็น อาทิ
1.ใบรับรองภูมิคุ้มกัน (Immunity Certificates) แนวคิดนี้เสนอโดย แมทท์ แฮนค็อก (Matt Hancock) รัฐมนตรีสาธารณสุขของอังกฤษ โดยจะออกใบรับรองให้กับผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 และรักษาจนหายดีแล้วซึ่งคาดว่าจะมีภูมิคุ้มกันให้สามารถออกไปใช้ชีวิตตามปกติได้ แต่แผนนี้มีความเสี่ยงเนื่องจากความรู้เกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 ยังอยู่เพียงช่วงเริ่มต้น แผนนี้จำเป็นต้องได้รับการทดสอบกับคนจำนวนมากและยังไม่ชัดเจนว่าร่างกายของคนที่ยังไม่ติดเชื้อจะตอบสนองอย่างไร รวมถึงคนหนุ่ม-สาว อาจพยายามทำให้ตนเองติดเชื้อเพื่อจะได้เป็นอิสระโดยเร็ว
2.วัคซีน (Vaccination) วิธีนี้ได้รับการสนับสนุนโดย ศ.นิค ชาเตอร์ (Prof.Nick Chater) นักวิทยาศาสตร์ด้านพฤติกรรม จาก University of Warwick เมืองโคเวนทรี ซึ่งให้ความเห็นว่า คงเป็นการหลอกตัวเองหากคิดจะเลิกล็อกดาวน์จนกว่าจะมีวัคซีน และคงรู้สึกประหลาดใจหากผู้คนจะสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติก่อนที่จะพบวิธีแก้น้ำรั่วอย่างสมบูรณ์ แต่ปัญหาคือการพัฒนาวัคซีนต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือแม้แต่เป็นปี และไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าจะสามารถเร่งให้เร็วกว่านั้น
3.พิจารณามาตรการเป็นรายพื้นที่ (Easing by Region) รัฐบาลสามารถผ่อนคลายข้อบังคับต่างๆ ตามความรุนแรงของสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ แต่ปัญหาคือเมื่อมาตรการถูกบังคับใช้ทั้งประเทศ อาจเป็นเรื่องยากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะพิจารณายกเลิกล็อกดาวน์ที่ใดก่อน-หลัง นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องยากในการควบคุมการเดินทางข้ามพื้นที่ของประชาชน
4.ใช้ฐานข้อมูลประชากร (Using Demographics) รัฐบาลอาจพิจารณาผ่อนปรนให้คนอายุน้อย (วัยหนุ่ม-สาว หรือวัยทำงาน) ซึ่งแม้จะติดเชื้อโควิด-19 แต่มีอัตราการเสียชีวิตต่ำมากกลับมาใช้ชีวิตตามปกติเพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินการอีกครั้ง ในขณะที่กลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้มีอายุ 70 ปีขึ้นไปยังต้องถูกควบคุมการออกจากบ้านเช่นเดิม แนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนโดย แอนดรูว์ ออสวาลด์ (Andrew Oswald) นักเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม จาก University of Warwick ซึ่งให้ความเห็นว่า นี่เป็นวิธีที่ยั่งยืน และวัยหนุ่ม-สาวปลอดภัยกว่าวัยอื่นๆ
5.เปิดทีละประเภทกิจการ (Sector by Sector) โดยเริ่มจากให้เปิดร้านค้าทั่วๆ ไปที่ขายสินค้าซึ่งไม่ใช่สิ่งของจำเป็นก่อน ยกเว้นกิจการที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคระบาด เช่น ผับหรือร้านอาหาร เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ 6.เปิดๆ ปิดๆ (On-Off-On) รัฐบาลให้ทุกกิจกรรมกลับมาดำเนินการได้ แต่อาจสั่งปิดได้อีกหากมีโรคระบาดรุนแรง แต่วิธีนี้ไม่ค่อยมีผุ้สนับสนุนเพราะผู้คนจะปฏิบัติตามน้อยลงเมื่อมีการปิดครั้งต่อๆ ไป และ 7.เลิกทันที (Hard Stop) ครม. ต้องมั่นใจว่าจะไม่เกิดการระบาดอย่างรวดเร็วจนเกินกำลังของระบบสาธารณสุข แต่แนวคิดนี้ไม่ได้รับความสนใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี