10 เม.ย. 2563 เว็บไซต์ นสพ.The Straits Times ของสิงคโปร์ เสนอข่าว “Coronavirus gives Thai premier Prayuth chance to consolidate power” ระบุว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ดูจะทำให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (Prayuth Chan-o-cha) ได้ตั้งหลักบ้าง หลังถูกกระหน่ำโจมตีจากกระแสความไม่พอใจทางการเมืองนับตั้งแต่เมื่อครั้งการเลือกตั้งปี 2562 ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าการเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 ของ พล.อ.ประยุทธ์ มาจากกลไกที่ไม่เป็นธรรมเท่าใดนัก
พอล แชมเบอร์ส (Paul Chambers) นักวิชาการด้านการเมือง มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า มีความรู้สึกไม่พอใจอย่างมากต่อการปกครองในปัจจุบันเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม วิกฤติครั้งนี้ก็ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ หากสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ก็จะยิ่งมีอำนาจแข็งแกร่งมากขึ้น แต่หากไม่สามารถควบคุมได้ทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อและผลกระทบทางเศรษฐกิจ ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ยากจะคาดเดา
พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตลอดเดือน เม.ย. 2563 ห้ามการชุมนุมรวมกลุ่มโดยหวังว่าแนวคิดการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) จะช่วยลดจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งปัจจุบันมีถึง 2,400 คนลงได้ แต่ภารกิจครั้งนี้น่าหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาทำนายว่าเศรษฐกิจของไทยจะหดตัวอย่างรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษ 1990s เนื่องจากทั้งการท่องเที่ยวและการส่งออกล้วนตกต่ำ
ซ้ำร้าย รายงานล่าสุดของธนาคารโลก (World Bank) ยังระบุว่าไทยเป็นประเทศเดียวในกลุ่มประชาคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่มีจำนวนคนจนเพิ่มสูงขึ้นหลังปี 2543 ทั้งนี้ ตามการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน พล.อ.ประยุทธ์ มีอำนาจเต็มเหนือรัฐบาลและกระทรวงต่างๆ พร้อมกับนำกองทัพมาใช้เป็นหน่วยรักษาความมั่นคงขั้นต้นในศูนย์รับมือวิกฤติไวรัสโควิด-19
สรัสนันท์ อรรณนพพร (Saratsanun Unnopporn) รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นเวลา 3 เดือนนับตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อรายแรก และตอนนี้เพิ่งจะเห็นมาตรการที่จริงจัง ที่ผ่านมากระทรวงต่างๆ ไม่สามารถร่วมมือกันได้ในเวลาปกติ และเมื่อเกิดวิกฤติมันก็ยิ่งชัดเจนขึ้น ขณะที่ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ (Narumon Pinyosinwat) โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า การรับมือโควิด-19 จะราบรื่นขึ้นเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กำลังพยายามแก้ไขปัญหา เช่น ความพร้อมของหน้ากากอนามัยและชุดตรวจหาผู้ติดเชื้อ
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ครั้งแรกในรัฐบาลเผด็จการทหาร เมื่อครั้งทำรัฐประหารในปี 2557 ก่อนจะได้อยู่ในอำนาจต่ออีกสมัยจากการเลือกตั้งในปี 2562 ด้วยกฎกติกาที่ร่างขึ้นในช่วงรัฐบาลทหารดังกล่าว โดยหากสามารถอยู่ครบสมัยคือ 4 ปี ก็จะมีอำนาจไปจนถึงปี 2566 อย่างไรก็ตาม มาตรการมอบเงินสดเพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีคนไปลงทะเบียนถึง 24 ล้านคน อาจทำให้ส่วนใหญ่ไม่ได้รับเพราะมาตรการนี้ออกแบบมาสำหรับช่วยเหลือคนเพียง 9 ล้านคนเท่านั้น
มาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการตั้งงบประมาณไว้ 1.9 ล้านล้านบาท ที่จะช่วยเหลือทั้งผู้ใช้แรงงาน เกษตรกร ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) รวมถึงจัดสรรกองทุนไว้ช่วยรักษาเสถียรภาพตลาดการเงิน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเมื่อ 7 เม.ย. 2563 ว่า โควิด-19 เป็นวาระแห่งชาติ และตนจะเข้มงวดกับการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยไทยนั้นใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจร้อยละ 11.4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของประเทศ
รศ.ดร.พรรณชฎา ศิริวรรณบุศย์ (Punchada Sirivunnabood) อาจารย์คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ความเห็นว่า สถานการณ์ในอีกไม่กี่สัปดาห์หลังจากนี้สำคัญมาก หากวิกฤติลดความรุนแรงลง คะแนนนิยมของรัฐบาลก็จะเพิ่มสูงขึ้น แต่หากควบคุมไม่ได้ แรงสนับสนุนจากชนชั้นกลางก็จะลดลง และนั่นจะกลายเป็นปัญหาในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี