เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2563 เว็บไซต์ นสพ.The Guardian ของอังกฤษ เสนอข่าว “Peru: riot police block highway as people attempt to flee amid lockdown” ระบุว่า เกิดเหตุปะทะกันระหว่างตำรวจกับประชาชนในกรุงลิมา ประเทศเปรู หลังประชาชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานจากต่างจังหวัดพยายามเดินเท้ากลับภูมิลำเนา เนื่องจากรัฐบาลเปรูใช้มาตรการล็อกดาวน์ (Lockdown) สั่งปิดกิจการต่างๆ เพื่อสกัดการระบาดของไวรัสโควิด-19 และให้ประชาชนอยู่ในที่พัก ทำให้แรงงานเหล่านี้กลายเป็นคนตกงานทันที จึงตัดสินใจกลับบ้านดีกว่าอดตายหรืออยู่เป็นคนเร่ร่อนในเมือง
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2563 บริเวณทางหลวงสายหลักที่เชื่อมระหว่างกรุงลิมากับจังหวัดอื่นๆ โดย มาริซีลา เดอ ลา ครูซ (Maricela de la Cruz) แรงงานรายหนึ่ง กล่าวว่า เมื่อไม่มีงานก็ไม่มีเงินจ่ายค่าอาหาร และพวกตนก็ไม่มีเงินออม ตอนนี้จึงต้องการกลับบ้านเพราะอย่างน้อยก็มีครอบครัว ต่างจากที่เมืองหลวงตนนั้นไม่มีใครเลย โดยตนจะเดินทางกลับไปยังเมืองฮวนคาโย (Huancayo) ห่างจากกรุงลิมาไปทางตะวันออกราว 300 กิโลเมตร
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า แม้มาตรการล็อกดาวน์จะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่กลางเดือน มี.ค. 2563 แต่ ณ วันที่ 20 เม.ย. 2563 เปรูพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 16,325 คน เสียชีวิต 400 คน เป็นอันดับ 2 ของทวีปอเมริกาใต้ รองจากบราซิล ทั้งที่บราซิลมีประชากรมากกว่าเปรูถึง 7 เท่า ถึงกระนั้น ท่าทีของผู้นำทั้ง 2 ชาติต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่ ฌาอีร์ โบลโซนารู (Jair Bolsonaro) ประธานาธิบดีบราซิล ขึ้นปราศรัยสนับสนุนประชาชนที่ออกมาชุมนุมต่อต้านมาตรการล็อกดาวน์ซึ่งออกโดยผู้ว่าการรัฐ ผู้นำเปรูกลับมุ่งเน้นทำทุกอย่างเพื่อให้การล็อกดาวน์เกิดขึ้นจริง
มาร์ติน บิซการ์รา (Martín Vizcarra) ประธานาธิบดีเปรู ประกาศว่าจะทุ่มกำลังทั้งตำรวจและทหารเพื่อบังคับใช้กฎหมายกับผู้ฝ่าฝืนมาตรการล็อกดาวน์ รวมถึงมาตรการห้ามออกจากเคหสถานในยามค่ำคืนหรือเคอร์ฟิว (Curfew) โดยให้เหตุผลว่า ช่วงเวลาอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าจะยากลำบาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้ความรับผิดชอบอย่างถึงที่สุดของทุกคน เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มใกล้ระดับที่ระบบสาธารณสุขจะรับไม่ไหวแล้ว
อลองโซ เซกูรา (Alonso Segura) อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังเปรู ให้ความเห็นว่า การเดินทางกลับภูมิลำเนาของประชาชน แสดงถึงปัญหาในการออกมาตรการเยียวยาของภาครัฐ แม้จะมีการเปิดแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใช้งบประมาณถึง 2.1 หมื่นล้านปอนด์ หรือราว 8.6 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12 ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของประเทศ รวมถึงการโอนเงินรายสัปดาห์ให้ครอบครัวยากจนก็ตาม
ทั้งนี้ ชาวเปรรูร้อยละ 70 เป็นแรงงานนอกระบบ ซึ่ง อดีตรัฐมนตรีคลังของเปรู เตือนว่า รัฐบาลไม่สามารถใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดได้เป็นเวลานาน เพราะผู้ประกอบการจะล้มละลายและประชาชนจะรู้สึกสิ้นหวังมากขึ้น หากเป็นเช่นนั้นจะไม่ใช่เพียงปัญหาเศรษฐกิจ แต่จะกลายเป็นปัญหาสังคม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- ชาวบราซิลประท้วงผู้ว่าฯสั่ง'ล็อกดาวน์'สกัด'โควิด' อึ้ง‘ประธานาธิบดี’โผล่ให้ท้ายม็อบ
- อยู่ไปก็อดตาย! ชาวอินเดียเดินเท้ากลับภูมิลำเนา หลังรบ.ปิดเมือง-ตัดขนส่งมวลชนสกัด‘โควิด’
ขอบคุณเรื่องจาก : https://www.theguardian.com/world/2020/apr/20/peru-riot-police-highway-teargas-coronavirus-lockdown
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี