หลายรัฐในอเมริกายกธงขาว
ปลดล็อกดาวน์
หลังถูกประท้วงหนัก
‘โตเกียว’ยังไม่ไว้ใจ
วอนปชช.อยู่กับบ้าน
บราซิลขุดหลุมศพรอ
หลายรัฐในสหรัฐ เช่น จอร์เจีย โอคลาโฮมา เท็กซัส วิสคอนซิน และอะแลสกา ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังพลเมืองประท้วงหนัก ด้านโตเกียวยังไม่ไว้วางใจ วอนประชาชนอยู่กับบ้าน ในขณะที่บราซิล
ยอดคนตายพุ่งจนต้องขุดหลุมฝังศพรอไว้ล่วงหน้า
ทางการสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้เสียชีวิตรายวันจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในสหรัฐลดลงมาก เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1,258 คน ต่ำสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ ขณะที่ยอดรวมอยู่ที่กว่า 52,000 คน ส่วนยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่กว่า 920,000 คน ยังคงมีจำนวนสูงที่สุดในโลก ส่งผลให้เวลานี้ หลายรัฐในสหรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์แล้ว โดยธุรกิจต่างๆ เช่นร้านตัดผม ร้านโบว์ลิง ร้านเสื้อผ้า สนามกอล์ฟ และธุรกิจดูแลสนามหญ้า และธุรกิจอื่นๆ ในรัฐจอร์เจีย อะแลสกา วิสคอนซิน และโอกลาโฮมา กลับมาเปิดกิจการอีกครั้งในวันศุกร์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น หลังบังคับใช้มาตรการล็อคดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มานานหลายสัปดาห์ ขณะที่ประชาชนจำนวนมากยังคงออกมารวมตัวประท้วงในหลายรัฐ เพื่อกดดันให้ยกเลิกมาตรการล็อตดาวน์ เพื่อให้ผู้คนได้ออกมาทำงานและดำเนินธุรกิจอีกครั้ง
ทั้งนี้ ตามข้อเสนอแนะของทำเนียบขาวเพื่อให้รัฐต่าง ๆ กลับมาเปิดธุรกิจอีกครั้ง ระบุว่า รัฐที่มีสถิติผู้ติดเชื้อลดลงต่อเนื่อง 14 วัน ให้ยกเลิกมาตรการคุมเข้มต่าง ๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ธุรกิจที่ไม่จำเป็นจะยังคงปิดให้บริการต่อไป เพราะคำสั่งพักอยู่ที่บ้านจะบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 26 พฤษภาคม ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเตือนว่า เวลานี้ยังเร็วเกินไปกว่าที่จะอนุญาตให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดยังน่าเป็นห่วง พร้อมเตือนให้ประชาชนดำเนินมาตรการระยะห่างทางสังคมต่อไป ขณะที่ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในหลายรัฐชี้ว่า พวกเขาสนับสนุนคำสั่งของทางรัฐบาลที่ให้อยู่บ้านต่อไป
เบลเยี่ยมผ่อนคลายโควิด
ส่วนสถานการณ์ในยุโรป นายกรัฐมนตรีเบลเยียม แถลงแผนการเตรียมผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น โดยทางการเตรียมแจกหน้ากากผ้าให้ประชาชน และมีข้อกำหนดว่าตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม ผู้โดยสารที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไปที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะจะต้องสวมหน้ากากทุกคน จากนั้นจะเริ่มอนุญาตให้ธุรกิจต่างๆ ร้านค้าที่ไม่จำเป็นเปิดทำการได้ รวมทั้งผ่อนคลายการเดินทางภายในประเทศ ส่วนผับบาร์และร้าน อาหารจะเปิดทำการได้ในวันที่ 8 มิถุนายน เช่นเดียวกับเด็กๆ จะได้กลับไปเรียนหนังสืออีกครั้ง แต่จำกัดให้โรงเรียนมีนักเรียนในแต่ละชั้นเรียนได้ไม่เกินห้องละ 10 คน ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมในเบลเยียมอยู่ที่กว่า 44,000 คน และมีผู้เสียชีวิตเกือบ 6,700 คน
เอเซียป่วยเพิ่มขึ้นอีก
ส่วนในเอเชีย ผู้ป่วยอาการรุนแรงรายสุดท้ายจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ได้รับการรักษาหายขาดแล้วและได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยบาลเมื่อวันศุกร์ หลังผ่านการรักษาตัวอย่างยากลำบากกว่าจะหายจากเชื้อไวรัส การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดไปทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ ถูกตรวจพบครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น ขณะนี้ ยังมีผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 49 คน ในมณฑลหูเป่ย และไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ หรือผู้ต้องสงสัยในมณฑลหูเป่ยมาประมาณ 3 สัปดาห์แล้ว ส่วนจำนวนผู้ป่วยอาการหนักในจีนแผ่นดินใหญ่ลดลงต่ำกว่า 60 คนแล้ว จนถึงเที่ยงคืนวันศุกร์ จีนรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อทั้งหมดอยู่ที่ 82,804 คน และผู้เสียชีวิตทั่วประเทศ 4,632 คน
โตเกียววอนปปช.อยู่กับบ้าน
ขณะที่ทางการกรุงโตเกียวขอร้องให้ประชาชนอยู่กับบ้านเป็นเวลา 12 วัน ไปจนถึงวันที่ 6 พฤษภาคม เพื่อช่วยควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 นางโคอิเกะ ยูริโกะ ผู้ว่าราชการกรุงโตเกียว กล่าวว่า ช่วงเวลาดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการควบคุมโรค ซึ่งจำเป็นต้องให้ประชาชนอยู่บ้านให้ได้ถึงร้อยละ 80 ตามเป้าหมายของรัฐบาลกลาง ข้อมูลกรุงโตเกียวระบุว่า ที่ผ่านมาตามถนนที่เป็นแหล่งชอปปิ้ง และย่านชานเมืองยังมีคนออกมาจำนวนมาก ขณะที่ทางการเรียกร้องประชาชนออกมาจับจ่ายนอกบ้านไม่เกิน 1 ครั้งต่อ 3 วัน จนถึงขณะ นี้ญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อแล้วเกือบ 13,000 คน และมีผู้เสียชีวิต 345 คน ไม่รวมตัวเลขจากเรือสำราญไดมอนด์ ปรินเซส
อเมริกาใต้น่าเป็นห่วง
ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดในอเมริกาใต้ บราซิลถือว่ากำลังเผชิญสถานการณ์น่าเป็นห่วงที่สุด หลังพบผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 54,000 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นกว่า 3,700 คน ขณะที่โรงพยาบาลมีผู้ป่วยเข้ารักษาตัวจนแน่นแทบไม่เหลือเตียงว่างอีกแล้ว เช่นเดียวกับศพผู้เสียชีวิตที่พุ่งขึ้นจนที่ว่างในสุสานหลายแห่งไม่เพียงพอ ต้องนำศพไปฝังรวมกันในหลุมขนาดใหญ่แทน ขณะที่ประธานาธิบดีชาอีร์ โบลโซนาโร ผู้นำบราซิล ก็ยังคงแสดงท่าทีคัดค้านมาตรการปิดเมืองและล็อคดาวน์ประเทศอย่างแข็งขันต่อไป โดยอ้างว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากก่อนหน้านี้ เขาลงทุนไปเข้าร่วมการประท้วงกับประชาชนเพื่อเรียกร้องให้ผู้ว่าการรัฐหลายรัฐยกเลิกมาตรการปิดเมือง และมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม
บราซิลขุดหลุมศพล่วงหน้า
สำนักข่าวซินหัวรายงาน นายกเทศมนตรีเมืองเซาเปาโล ซึ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่สุดของบราซิล เปิดเผยแผนฉุกเฉินว่าด้วยการขยายพื้นที่ฝังศพจำนวนกว่าหมื่นหลุมในสุสานต่างๆ ของเมือง เพื่อเตรียมรับมือกรณีผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เพิ่มขึ้น
“เราจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกับเมืองอื่นๆ อย่างกัวยากิล (Guayaquil) ของเอกวาดอร์ หรือนิวยอร์กของสหรัฐฯ ไม่ได้” บรูโน โกวัส (Bruno Covas) นายกเทศมนตรีเมืองเซาเปาโล กล่าว โดยอ้างอิงถึงกรณีโรงพยาบาลของเมืองต่างๆ ดังกล่าวมีร่างผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ล้นห้องดับจิต
โกวัสระบุว่าเป้าหมายของแผนดังกล่าวคือขุดหลุมฝังศพเพิ่ม 13,000 หลุม และขยายขีดความสามารถด้านการฝังศพ เพื่อป้องกันระบบงานดังกล่าวล้มเหลวทั้งนี้ เซาเปาโลเป็นศูนย์กลางการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ในบราซิล และมีผู้ป่วยเสียชีวิตแล้วเกือบ 1,000 ราย ใน 1 เดือน
“โรงพยาบาลต่างๆ มีกำลังรองรับอยู่ที่ร้อยละ 70 และนั่นคือเหตุผลที่เราต้องเตรียมพร้อมสำหรับช่วงที่เลวร้ายที่สุดของการระบาดใหญ่ในเมืองของเรา” โกวัสแถลงข่าวประจำวัน พร้อมกับโจเอา โดเรีย (Joao Doria) ผู้ว่าการรัฐเซาเปาโล
นอกจากนั้นเมืองเซาเปาโลยังว่าจ้างเจ้าหน้าที่ดูแลสุสานเพิ่มจาก 240 คนต่อวัน เป็น 400 คนต่อวัน เพื่อจัดการกับร่างผู้เสียชีวิตที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก และจัดซื้อถุงบรรจุศพเพิ่มอีก 15,000 ใบ
สำหรับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในเย็นวันเดียวกัน มีผู้ป่วยรวม 2,836,330 ราย เสียชีวิต 197,694 ราย โดยสหรัฐยังเป็นอันดับหนึ่ง ป่วย 925,758 ราย และเสียชีวิต 52,217 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี