29 เมษายน 2563 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เอดัวร์ ฟีลิป นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส นำเสนอมาตรการที่จะนำมาใช้ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. หลังปลดล็อกดาวน์เพื่อฟื้นฟูกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่หยุดนิ่งตลอดช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา สืบเนื่องจากการควบคุมการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
“การชะลอตัวทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นเวลานาน การรบกวนระบบการศึกษาของเด็กและวัยรุ่นจำนวนมาก การหยุดชะงักของการลงทุนภาครัฐและเอกชน การปิดพรมแดน การจำกัดการออกนอกบ้าน… จะทำให้ประเทศไม่เพียงต้องแบกรับความไม่สะดวกในการถูกจำกัด แต่ในความเป็นจริงและเป็นเรื่องแย่กว่านั้น คือยังเผชิญความเสี่ยงของการล้มละลายด้วย” ฟีลิปกล่าวขณะนำเสนอแผนที่ชื่อว่า “ถอนการจำกัดขอบเขต” (deconfinement) ต่อสภาผู้แทนราษฎร
“ถึงเวลาแล้วที่จะแจ้งต่อชาวฝรั่งเศสว่าวิถีชีวิตของเราจะกลับมาดำเนินได้ตามปกติ” เขาเน้นย้ำว่าแผนการปลดล็อกดาวน์ของรัฐบาล ซึ่งระบุไว้ใน 6 ประเด็นสำคัญ อันได้แก่ สุขภาพ, โรงเรียน, ธุรกิจ, งาน, การขนส่ง และการชุมนุม ควรดำเนินการอย่างระมัดระวังและเป็นขั้นเป็นตอน รวมถึงประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์ที่แตกต่างกันในภูมิภาคต่างๆ
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวคำสำคัญ 3 คำคือ “ป้องกัน ทดสอบ และแยกโรค” เพื่อกลับมาใช้ชีวิตประจำวันตามปกติโดยไม่ทำให้ไวรัสแพร่ระบาดอีกครั้ง เขารับประกันว่าตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. เป็นต้นไปจะจัดหาหน้ากากอนามัยให้เพียงพอสำหรับชาวฝรั่งเศสทุกคน และจะมีการทดสอบไวรัสอย่างน้อย 700,000 ครั้งต่อสัปดาห์
ผู้ที่มีผลการทดสอบโรคโควิด-19 เป็นบวกจะต้องกักกันตัวเป็นเวลา 14 วันอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือสถานที่ที่ทางการกำหนด เช่น โรงแรมที่มีใบอนุญาต ส่วนผู้ใกล้ชิดของผู้ติดเชื้อก็จะต้องรายงานตัว ตรวจโรค และกักกันตัวเพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสในการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น
โรงเรียนอนุบาลและโรงเรียนประถมศึกษาจะเปิดการเรียนการสอนอีกครั้งในวันที่ 11 พ.ค. ตามความสมัครใจ ทางโรงเรียนสามารถรับเด็กได้ไม่เกิน 10 คนต่อกลุ่ม โดยให้สิทธิกับบุตรของเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ก่อน ส่วนโรงเรียนมัธยมจะทยอยเปิดอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค. โดยบังคับให้สวมใส่หน้ากากอนามัยเป็นพื้นฐาน และห้ามมีนักเรียนมากกว่า 15 คนอยู่ภายในห้องเดียวกันในเวลาเดียวกัน
หลังจากการปลดล็อกดาวน์ บริษัทต่างๆ ควรยังทำงานจากที่บ้านต่อไปหากทำได้ หรือจัดหาหน้ากากอนามัยให้กับคนงาน และรักษาระยะห่างระหว่างบุคคลในสถานที่ทำงานเสมอ
ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. ธุรกิจห้างร้านทั้งหมด ยกเว้นบาร์ ร้านกาแฟ และร้านอาหาร ได้รับอนุญาตให้เปิดบริการอีกครั้งได้ การสวมหน้ากากอนามัยจะเป็นข้อบังคับในการใช้ขนส่งสาธารณะทั้งหมด ประชาชนสามารถออกไปข้างนอกได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องแสดงเอกสารรับรองกิจกรรม และห้ามไม่ให้มีการรวมตัวกันมากกว่า 10 คน
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเตือนถึงความเสี่ยงที่แท้จริงของการเกิดวิกฤตไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระลอกที่สอง และย้ำว่าการปลดล็อกดาวน์จะไม่เกิดขึ้นในวันที่ 11 พ.ค. หากตัวชี้วัดไม่ดีเท่าที่คาดหมายไว้
“เราจะปลดล็อกดาวน์ก็ต่อเมื่อผู้ป่วยรายใหม่ลดลงต่ำกว่า 3,000 รายต่อวัน” เขากล่าว “หากตัวชี้วัดแสดงผลไม่ดี ก็จะยังไม่ยกเลิกการปิดเมืองในวันที่ 11 พ.ค.”
เมื่อวันจันทร์ (27 เม.ย.) ยอดรวมผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในฝรั่งเศสทะลุเกิน 23,000 ราย แต่จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและยอดการเสียชีวิตรายใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่ยอดติดเชื้อใหม่ยังคงระดับมากกว่า 2,000 รายต่อวัน
ทั้งนี้ แผนออกจากการล็อกดาวน์ของรัฐบาลจะได้รับการพิจารณาโดยฝ่ายนิติบัญญัติ และมีการลงมติในช่วงเย็นวันอังคาร (28 เม.ย.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี