นักวิเคราะห์ชี้"ปูติน"เลิก"ล็อกดาวน์"แม้โควิดระบาด เหตุปชช.ไร้เงินออม-ลำบากกว่าตะวันตก
เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2563 สำนักข่าว Deutsche Welle (DW) ของเยอรมนี เสนอข่าว "Russia eases lockdown at the height of its coronavirus crisis" ระบุว่า แม้สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในรัสเซียยังน่าเป็นห่วง โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยวันละ 1 หมื่นคน แต่ วลาดิเมียร์ ปูติน (Vladimir Putin) ประธานาธิบดีรัสเซีย ตัดสินใจยุติมาตรการล็อกดาวน์ (Lockdown) หรือการปิดกิจการต่างๆ ให้เหลือเท่าที่จำเป็น เพื่อตัดการรวมกลุ่มอันเป็นช่องทางการระบาดของโรค เมื่อวันที่ 12 พ.ค.2563 ที่ผ่านมา หลังบังคับใช้มานานถึง 6 สัปดาห์
อับบาส กัลยามอฟ (Abbas Gallyamov) นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ชาวรัสเซีย ให้ความเห็นว่า ปธน.ปูติน น่าจะไม่อยากตามหลังยุโรปตะวันตกที่ขณะนี้หลายประเทศทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งผู้นำรัสเซียกังวลว่าตนเองจะสูญเสียความศรัทธาในหมู่ประชาชนชาวรัสเซียไปหากตามไม่ทัน นอกจากนี้ ข้อจำกัดในการใช้ชีวิตนั้นเป็นเรื่องยากที่ชาวรัสเซียจะปฏิบัติตามได้หากเทียบกับชาวยุโรป เนื่องจากมาตรฐานการครองชีพในรัสเซียนั้นต่ำกว่าและคนส่วนใหญ่ไม่มีเงินออม
"ปูตินกำลังก่ออันตรายกับประชาชนเพื่อเพิ่มคะแนนนิยมของตนเอง เขาต้องการทำให้ชาวรัสเซียเชื่อว่าสภาพความเป็นอยู่ไม่ได้เลวร้ายไปกว่าผู้คนทางตะวันตก หลังจากนั้นสื่อของรัฐบาลก็ฉายภาพว่าประเทศแถบตะวันตกกำลังเข้าขั้นหายนะ มีการรายงานสถานการณ์แบบสะเทือนอารมณ์ (Drama) ในสหรัฐอเมริกาและสเปน ปูตินติดกับดักด้วยโฆษณาชวนเชื่อของตนเอง วันนี้เขาถูกบังคับให้เพิกเฉยต่อความจริงและสถิติ จึงได้แต่หวังว่าการเลิกล็อกดาวน์จะไม่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตพุ่งสูงจนเกินไป" กัลยามอฟ ระบุ
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า หลังจากยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ อำนาจการออกข้อจำกัดต่างๆ เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 จะอยู่ที่ผู้ว่าการเมืองแต่ละเมือง ซึ่ง เซอร์เก ซาโวรอนคอฟ (Sergei Zhavoronkov) นักวิชาการจากสถาบันนโยบายเศรษฐกิจไกดาร์ (Gaidar Institute for Economic Policy) มองว่า ผู้ว่าฯ น่าจะยังคงมาตรการเข้มงวดมากกว่าจะผ่อนคลายลง และหากมองในมุมเศรษฐกิจคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อย่างน้อยก็ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่ประชากรหนาแน่น
โดยการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจมีเพียงอย่างเดียวคือการเปิดธุรกิจที่ไม่ใช่อาหาร ซึ่งสำคัญสำหรับความอยู่รอด แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่แผนของรัฐบาลรัสเซีย เหมือนก่อนหน้านี้ที่ร้านขายของชำและร้านขายยาเท่านั้นที่เปิดทำการ อู่ซ่อมรถขนาดเล็กมีความเสี่ยงโรคระบาดน้อยกว่าซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ ตนกลัวผลร้ายที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจของรัสเซีย
ด้าน เซอร์เก เน็ตโยซอฟ (Sergei Netyosov) นักวิชาการด้านไวรัสวิทยา มหาวิทยาลัยโนโวซิเบียร์สค์ (Novosibirsk State University) กล่าวว่า การสวมหน้ากากปิดปาก-จมูก เป็นวิธีการลดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าวิธีการอื่นๆ แต่ถึงกระนั้นก็กังวลเรื่องการผ่อนคลายล็อกดาวน์เนื่องจากสถานการณ์ในรัสเซียยังรุนแรงและยังไม่สิ้นสุด โรงพยาบาลอาจต้องแบกรับภาระจนเกินกำลัง
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า การผ่อนคลายล็อกดาวน์จะใช้กับทุกภาคส่วน ซึ่ง ปธน.รัสเซีย ต้องการให้ทุกธุรกิจสามารถกลับมาทำงานได้อีกครั้ง ไม่ว่าอุตสาหกรรม การก่อสร้าง เกษตร ขนส่งและพลังงาน อย่างไรก็ตาม ประชาชนอายุ 65 ปีขึ้นไป และกลุ่มเสี่ยงยังคงต้องอยู่บ้าน นอกจากนี้ ประชาชนต้องสวมหน้ากากปิดปาก-จมูกทุกครั้งเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะด้วย
อนึ่ง สำหรับกรุงมอสโก มาตรการที่เข้มงวดจะยังถูกบังคับใช้ต่อไปจนถึงสิ้นเดือน พ.ค.2563 เท่ากับว่า เมืองหลวงของรัสเซีย เป็นที่แรกที่ใช้นโยบาย "อยู่บ้านหยุดเชื้อ (Stay-at-Home)" แต่จะเป็นที่สุดท้ายที่จะยกเลิกนโยบายดังกล่าว เนื่องจากเป็นเมืองที่พบการระบาดของไวรัสโควิด-19 รุนแรง โดยในแต่ละวัน ผู้คนจะได้รับข่าวร้ายจากโรงพยาบาลที่เผยแพร่โดยเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานนายกเทศมนตรีกรุงมอสโก เซอร์เก ซบยานิน (Sergei Sobyanin)
ขอบคุณเรื่องจาก : https://www.dw.com/en/russia-eases-lockdown-at-the-height-of-its-coronavirus-crisis/a-53420572
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี