22 พ.ค. 2563 สำนักข่าวอัลจาซีราของกาตาร์ เสนอข่าว ‘Culture of violence’: The Thai military’s problem with abuse ว่าด้วยกรณีของ ยุทธนา ซ้ายซา (Yutthana Saisa) ชายวัย 33 ปี อาศัยอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย เสียชีวิตหลังถูกทหารนำตัวไปสอบปากคำเนื่องจากเป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทำให้กองทัพไทยตกเป็นเป้าถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงการใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุอีกครั้ง
พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ (Pornpen Khongkachonkiet) ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงการใช้ความรุนแรงอย่างสุดโต่งรวมถึงการลักพาตัว ทั้งนี้ นับตั้งแต่กองทัพทำรัฐประหารในปี 2557 ได้ให้ความสำคัญกับปฏิบัติการต่อต้านยาเสพติด ซึ่งอีกด้านหนึ่งเป็นความสุ่มเสี่ยงที่จะนำไปสู่การใช้กำลังเกินขอบเขต อนึ่ง คดีนี้กองทัพไม่ตอบสนองต่อความคิดเห็นใดๆ แต่ทางตำรวจกำลังสอบสวนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร 7 นาย นำตัวผู้ตายไปสอบปากคำ
สื่อท้องถิ่นในประเทศไทย รายงานว่า กองทัพจ่ายเงิน 313 เหรียญสหรัฐ หรือราว 10,000 บาท ให้กับบิดาของผู้ตาย รวมถึงช่วยเหลือเรื่องงานศพ รวมถึงตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ทหารที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยถูกสั่งให้แสดงบทบาทขอขมาต่อครอบครัวผู้ตาย ทั้งนี้ กองทัพไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์มานานแล้วเรื่องการปลูกฝังความรุนแรง โดยเริ่มตั้งแต่ในหลักสูตรการฝึกทหาร ที่ผู้มีชั้นยศน้อยกว่ามักตกเป็นเหยื่อจากนายทหารยศสูงกว่า
ชาตรี (Chatri-นามสมมติ) อายุ 27 ปี ซึ่งเคยเข้าไปเป็นทหารเกณฑ์อยู่ช่วงหนึ่ง เล่าว่า เวลานั้นตนกำลังรอศึกษาต่อและตั้งใจจะทำงานด้านสังคมสงเคราะห์ แต่ต้องไปเป็นทหารเพราะจับสลากได้ใบแดง แน่นอนตนทราบดีว่าเมื่อเข้าสู่กองทัพก็ต้องเงียบ และชีวิตของตนถูกพรากไป ทั้งนี้ ตนยอมรับว่าเป็นชายรักชาย แต่การไม่ปิดบังต่อสังคมในเรื่องนี้ก็นำมาซึ่งผลกระทบ อาทิ ถูกให้แก้ผ้าตั้งแต่วันแรกเมื่อเข้าค่าย และถูกกลั่นแกล้งต่างๆ นานา จากทหารทั้งที่มีและไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการฝึก จนบางครั้งถึงกับคิดอยากฆ่าตัวตายเพื่อให้พ้นจากความทรมาน
หลังการฝึกทหารใหม่ 3 เดือนเสร็จสิ้นลงและทหารเกณฑ์ได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับโลกภายนอก ชาตรี ตัดสินใจโทรศัพท์หาครอบครัวเพื่อให้หาทางช่วยเหลือ และตนนั้นโชคดีในขณะที่อีกหลายคนไม่มีทางเลือกเช่นนี้ แต่หน่วยฝึกที่ตนอยู่นั้นยังไม่มีใครเสียชีวิตระหว่างการฝึก เรื่องเล่าของ ชาตรี สอดคล้องกับรายงานขององค์กรนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) ที่ตั้งชื่อเรื่องว่า “เราก็แค่ของเล่นของพวกเขา (We Were Just Toys to Them)” ว่าด้วยเรื่องเล่าการทารุณกรรมทั้งทางเพศและทางร่างกายที่เกิดขึ้นในหลักสูตรการฝึกทหารเกณฑ์ของไทย
นอกจากทหารเกณฑ์แล้ว นักเรียนในโรงเรียนทหารของไทยยังมีรายงานการเสียชีวิตภายใต้สถานการณ์ที่ลึกลับ เนื่องจากการลงโทษและพิธีกรรมบางอย่างซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในสถาบันฝึกวิชาทหาร แต่เป็นเรื่องยากที่จะระบุจำนวนผู้เสียชีวิตที่แน่นอนในแต่ละปี แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าเกิดขึ้นทุกปี จากรายงานของสื่อท้องถิ่นรวมถึงการร้องเรียนของครอบครัว ชาตรี มองว่า วัฒนธรรมแบบนี้ควรจบสิ้นเสียที ไม่ควรให้อำนาจล้นเหลือแบบนี้อีก
สุนัย ผาสุก (Sunai Phasuk) นักวิจัยประจำประเทศไทยขององค์การฮิวแมน ไรท์ วอทซ์ (Human Rights Watch) ซึ่งติดตามกรณีการเสียชีวิตของ ยุทธนา ซ้ายซา ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรงจากเจ้าหน้าที่ทหาร ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (Prayuth Chan-ocha) นายกรัฐมนตรีไทยคนปัจจุบัน กำลังเดินตามรอย ทักษิณ ชินวัตร (Thaksin Shinawatra) อดีตนายกรัฐมนตรี
โดยในขณะที่ ทักษิณ มีอำนาจ ได้ออกนโยบายทำสงครามยาเสพติด จนมีผู้เสียชีวิตถึง 2,800 ศพในปี 2546 ผู้เสียชีวิตจำนวนมากเป็นพลเรือนและหลายรายก็ไม่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด ดังนั้น ฮิวแมน ไรท์ วอทซ์ จึงเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยุติการสนับสนุนให้ทหารใช้อำนาจอย่างกว้างขวางในการจับกุม กักขังและสอบปากคำผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งผู้เสพและผู้ค้า
สุนัย กล่าวต่อไปว่า การให้อำนาจกับกองทัพในด้านการใช้กฎหมายปราบปรามยาเสพติด นำไปสู่ปฏิบัติการที่ไม่เหมาะสม อาทิ การวิสามัญฆาตกรรม ทรมาน และควบคุมตัวอย่างไม่มีหลักเกณฑ์ ซึ่งเกิดขึ้นโดยผู้กระทำไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ อาทิ ในปี 2560 วัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งเป็นนักกิจกรรม ถูกยิงเสียชีวิตโดยอ้างว่าครอบครองยาเสพติด แต่หลักฐานภาพเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิดกลับหายไป
เช่นเดียวกัน กรณีของ ยุทธนา ทหารได้เสนอเงินจำนวนหนึ่งให้ครอบครัวเพื่อแลกกับการไม่เอาความ แต่เมื่อเลือกจะต่อสู้ทวงความเป็นธรรม การสืบสวนของตำรวจต้องพบกับอุปสรรค สิ่งเหล่านี้ยังคงเกิดขึ้นในประเทศไทย แม้รัฐบาลจะรับรองอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน และการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (United Nations Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment) แล้วก็ตาม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : พ่อเหยื่อทหารโหด ประกาศไม่ยอมเผาศพลูกชาย จนกว่าจะชัดเจนเรื่องเงินเยียวยา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี