ไวรัสโควิด-19 ลามหนักติดเชื้อทั่วโลกทะลุ 6 ล้านคน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐประกาศตัดสัมพันธ์กับองค์การอนามัยโลก ยกเลิกการให้เงินสนับสนุน พร้อมกับตราว่าาเป็นแค่หุ่นเชิดของจีน ด้านเกาหลีใต้อาการหนักโควิดลามทั่วกรุงโซล
สื่อต่างประเทศรายงานเมื่อค่ำวันที่ 30 พฤษภาคม ถึงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกว่ามีผู้ติดเชื้อรวม 6,047,421 ราย เสียชีวิต 367,149 ราย รักษาหาย 2,671,828 ราย
โดยสหรัฐมีผู้ติดเชื้อ 1,793,530 ราย เสียชีวิต 104,542 ราย
บราซิล ติดเชื้อ 468,338 ราย เสียชีวิต 27,944 ราย
รัสเซียติดเชื้อ 369,575 ราย เสียชีวิต 4,555 ราย
สเปนติดเชื้อ 285,644 ราย เสียชีวิต 27,121 ราย
อังกฤษติดเชื้อ 271,222 ราย เสียชีวิต 38,161 ราย
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ แถลงที่ทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ว่า เขาเตรียมตัดความสัมพันธ์ของสหรัฐกับองค์การอนามัยโลก หรือดับเบิลยูเอชโอ (WHO) กรณีความล้มเหลวในการรับมือการะบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดยบอกว่า ดับเบิลยูเอชโอมีความใกล้ชิดกับจีน ซึ่งเป็นประเทศต้นตอการระบาดของไวรัสมรณะ และเป็นเพียงองค์กรหุ่นเชิดของจีน ซึ่งเท่ากับเป็นการส่งสัญญาณยกเลิกการสนับสนุนทางการเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ที่สหรัฐให้แก่ดับเบิลยูเอชโอในแต่ละปี ขณะที่สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ยังรุนแรงต่อเนื่องในหลายประเทศ
ทรัมป์ บอกว่า ดับเบิลยูเอชโอ ล้มเหลวในการปฏิรูปองค์กร ซึ่งประธานาธิบดีเรียกร้องในจดหมายลงวันที่ 18 พฤษภาคม ที่ส่งถึงนายทีดรอส อัดฮานอม กีเบรเยซุส ผู้อำนวยการดับเบิลยูเอชโอ โดยในเนื้อหาของจดหมาย เขาได้ยื่นคำขาดให้เวลาดับเบิลยูเอชโอ 30 วันในการทำการปฏิรูปองค์กร
ผู้นำสหรัฐกล่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่จีนเพิกเฉยต่อพันธสัญญาในการรายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสต่อดับเบิลยูเอชโอ และกดดันดับเบิลยูเอชโอ ทำให้โลกเข้าใจผิดเมื่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนพบการระบาดของไวรัสครั้งแรก จีนควบคุมดับเบิลยูเอชโออย่างสิ้นเชิง ทั้งๆ ออกเงินสนับสนุนเพียง 40 ล้านดอลลาร์ต่อปี เทียบกันไม่ได้กับสิ่งที่สหรัฐจ่ายให้ดับเบิลยูเอชโอ ปีละประมาณ 450 ล้านดอลลาร์ สหรัฐขอให้ดับเบิลยูเอชโอแจกแจงรายละเอียดเกี่ยวกับการปฏิรูปองค์กร แต่พวกเขาก็ปฏิเสธที่จะดำเนินการ ผู้นำสหรัฐ บอกอีกว่า เพราะพวกเขาล้มเหลวที่จะปฏิบัติตามคำร้องขอและการปฏิรูปที่จำเป็น สหรัฐจะตัดความสัมพันธ์กับดับเบิลยูเอชโอ และนำเงินสนับสนุนให้องค์กรโลกอื่นแทน
นอกจากนี้ ทรัมป์ กล่าวอีกว่า เขาไม่มีความสุขกับจีน กรณีการรับมือกับการระบาดของไวรัส แต่ก็ไม่ได้ตอบคำถามนักข่าวที่ว่า เขากำลังเริ่มทำสงครามเย็นครั้งใหม่หรือไม่ ทรัมป์กล่าวว่า จีนสามารถหยุดยั้งไวรัสได้ในประเทศ แต่พวกเขาก็ไม่ทำ ปล่อยให้ลุกลามเข้าสู่ยุโรปและสหรัฐ และภูมิภาคอื่นๆ ของโลก สหรัฐเศร้ามากๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับความสัมพันธ์ของสหรัฐกับจีน
ขณะที่ประเทศร่วมภูมิภาคลาตินอเมริกาของบราซิล อย่างชิลี และเม็กซิโก ก็มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด19 แซงหน้าจีนไปแล้ว โดยชิลีอยู่ที่ 90,638 คน และเม็กซิโกอยู่ที่ 84,627 คน เป็นอันดับ 14 และ15 ของโลก ขณะที่จีนอยู่ที่ 84,123 คน เป็นอันดับที่ 16
ส่วนสถานการณ์ในอินเดียยังคงวิกฤต โดยในช่วง 24 ชั่วโมงนับจนถึงวันเสาร์ อินเดียมีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นถึงกว่า 8,000 คน มากที่สุดเป็นสถิติใหม่ และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 265 คน ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 173,763 คน และมีผู้เสียชีวิตสะสม 4,980 คน ทั้งนี้ อินเดีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองที่แออัดที่สุดหลายเมืองของโลก และมีระบบการสาธารณสุขค่อนข้างล้าหลัง กำลังกลายเป็นแหล่งระบาดแห่งใหม่ ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยตัวเลขจากกระทรวงสาธารณสุขของอินเดียพบว่ารัฐมหาราษฏระทางตะวันตกของประเทศ ซึ่งเป็นที่ตั้งของนครมุมไบ เมืองศูนย์กลางการเงิน มีผู้ติดเชื้อคิดเป็น 36% และมีผู้เสียชีวิตคิดเป็น 42 % ของทั้งประเทศ
อย่างไรก็ดี แม้จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่อินเดียกลับทยอยคลายการปิดเมืองที่ดำเนินมานานกว่า 2 เดือนอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และคนจนในประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
ขณะที่ในเกาหลีใต้ รัฐบาลต้องสั่งปิดโรงเรียนเพิ่มกว่า 500 แห่ง หลังพบการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กลุ่มใหม่ ทั้ง ๆ ที่เปิดเรียนไปได้ไม่กี่วัน
เกาหลีใต้ต้องกลับมาปิดโรงเรียนกว่า 500 แห่งอีกครั้งในวันศุกร์ หลังเปิดเรียนได้ไม่กี่วัน เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ที่กลับมาระบาดใหม่ในกรุงโซล และพื้นที่เขตเทศบาลในปริมณฑล ซึ่งมีประชากรครึ่งหนึ่งของประชากรทั่วประเทศประมาณ 25 ล้านคน ทางการยังสั่งปิดสวนสาธารณะ สถานที่จัดแสดงศิลปะ พิพิธภัณฑ์และโรงละครของรัฐบาลในเขตเทศบาลกรุงโซลเป็นเวลา 2 สัปดาห์
นายปาร์ค เนียง-ฮู รัฐมนตรีสาธารณสุขเกาหลีใต้แถลงว่า งานต่าง ๆ ที่รัฐบาลเป็นเจ้าภาพในเขตเทศกาล จะถูกยกเลิก หรือเลื่อนออกไปด้วย เจ้าหน้าที่ยังได้แนะนำให้สถาบันการศึกษาเอกชนและร้านอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ ปิดให้บริการไปจนถึงวันที่ 14 มิถุนายน พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตเทศบาลกรุงโซล งดออกจากบ้าน หรือจัดงานต่างๆ เป็นเวลา 14 วันเช่นกัน
ทั้งนี้ การระบาดของโควิด-19 รวมทั้งกลุ่มก้อนใหม่ในศูนย์กระจายสินค้าในเมืองบูชอน ซึ่งจนถึงเมื่อวันศุกร์ มีผู้ติดเชื้อที่เชื่อมโยงกับกลุ่มนี้แล้วเกือบ 100 คน และจนถึงขณะนี้ แรงงานจำนวน 3,836 คนจากทั้งหมด 4,351 คน และผู้คนที่ไปติดต่องานที่ศูนย์กระจายสินค้าแห่งนี้ถูกตรวจหาเชื้อแล้ว ขณะที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้แถลงว่า ทุกคนที่ทำงานอยู่ที่ศูนย์กระจายสินค้าตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคมควรจะกักตัว และเข้าตรวจหาเชื้อไวรัส อีกทั้งนักเรียนหรือครูคนใดก็ตาม ที่อาศัยอยู่ในครอบครัวที่มีสมาชิกทำงานที่ศูนย์กระจายสินค้า ก็ควรจะพักอยู่ที่บ้านเท่านั้น
เกาหลีใต้เคยได้ชื่อว่าเป็นแบบอย่างในการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิดโดยไม่ต้องใช้มาตรการล็อคดาวน์ เนื่องจากมีการตรวจสอบหาเชื้อในวงกว้าง ติดตามผู้ต้องสงสัยและกักตัว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ เกาหลีใต้พยายามอย่างหนักในการป้องกันการระบาดครั้งใหม่ แม้ว่าจะใช้มาตรการเข้มงวดแต่ก็ยังยากลำบาก ซึ่งคาดว่าน่าจะทำให้ประเทศอื่นๆ ต้องเผชิญสถานการณ์แบบนี้เช่นกัน ขณะที่หลายประเทศผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี