จลาจลทั่วสหรัฐ
‘ทรัมป์’ส่งทหารคุมเข้ม23รัฐ
ลั่นต้องยุติม็อบให้ได้
ชันสูตรศพ‘ฟลอยด์’
ผลยันถูก‘ฆาตกรรม’
“ทรัมป์”สั่งทหารจัดการม็อบลุกฮือประท้วง ลั่นใช้อำนาจ ปธน.หากระดับรัฐ-เมือง จัดการไม่ได้ ส่งกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ 1.7 หมื่นนาย กระจายคุมเข้มกว่า 23 รัฐ ส่วนนิวยอร์ก จลาจลบานปลาย
ฝ่าเคอร์ฟิวปล้นสะดม ด้านผลชันสูตรศพ “จอร์จ ฟลอยด์”ยืนยันถูกฆาตกรรม
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แถลงถึงกรณีที่เกิดการประท้วงในหลายรัฐทั่วประเทศ เกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสี สัญชาติอเมริกัน ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองมินนิอาโปลิส รัฐมินนิโซตา จับกุมตัวภายหลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยใช้ธนบัตรปลอม แต่แล้วกลับใช้หัวเข่ากดที่บริเวณลำคอนานกว่า 8 นาที จนขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตในเวลาต่อมา และเมื่อคลิปวีดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถูกเผยแพร่ออกไป จึงเกิดกระแสต่อต้านการกระทำซึ่งรุนแรงเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ และเป็นประเด็นเรื่องการเหยียดสีผิว จนมีการชุมนุมประท้วงลุกลามไปมากกว่า 20 รัฐ และกว่า 40 เมืองทั่วประเทศ ว่า ภายหลังเกิดการชุมนุมในพื้นที่ต่างๆ ทางเจ้าหน้าที่ยังคงเข้าควบคุมสถานการณ์อย่างต่อเนื่องเกือบ 1 สัปดาห์ โดยจะส่งกำลังทหารพร้อมอาวุธครบมือ เข้าบังคับใช้กฎหมายหยุดยั้งการก่อจลาจล
ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวอีกว่า ได้เกิดการจลาจล ปล้น ชิง และทำลายทรัพย์สิน ทำลายสถานที่ต่างๆ เช่น ในกรุงวอชิงตัน เกิดเหตุการณ์อย่างป่าเถื่อน ซึ่งเหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นดังกล่าวเป็นความอัปยศโดยสิ้นเชิง ขอให้ผู้ว่าการรัฐต่างๆ ใช้กำลังควบคุมสถานการณ์โดยเร็ว หากเมืองหรือรัฐใดไม่ดำเนินการมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของชาวเมือง ตนจะส่งทหารรัฐบาลกลาง เข้าไปแก้ปัญหาแทน โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายการก่อจลาจล ที่ให้อำนาจประธานาธิบดีส่งทหารไปปราบปรามการก่อความไม่สงบของพลเมือง และขอประณามการก่อเหตุร้ายในประเทศ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐฯ ว่า พล.อ.อ.โจเซฟ เลงก์เยล ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ เปิดเผยว่า ได้เรียกกำลังเข้าประจำการมากขึ้นกว่าปกติหลายเท่า นับตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ตามคำสั่งของผู้ว่าการรัฐและนายกเทศมนตรี ในการสนับสนุนภารกิจของตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายในท้องถิ่น เพื่อควบคุมสถานการณ์และฟื้นฟูความสงบ จากเหตุรุนแรงและวุ่นวายที่มีชนวนเหตุจากการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ ที่เมืองมินนีอาโปลิส รัฐมินนิโซตา
อย่างไรก็ดี หลังจากการประท้วงปะทุขึ้นที่เมืองมินนีอาโปลิสเป็นแห่งแรก ในวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา จึงเกิดการประท้วงในอีกหลายรัฐ ทางเจ้าหน้าที่กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ มากกว่า 17,000 นาย ซึ่งผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ได้กระจายกำลังกันลงพื้นที่แล้วอย่างน้อย 23 รัฐ อาทิ แอริโซนา อลาสกา แคลิฟอร์เนีย โคโลราโด ฟลอริดา จอร์เจีย วิสคอนซินฯลฯ รวมทั้งกรุงวอชิงตัน และภายหลังประธานาธิบดีทรัมป์ แถลงโดยมีคำขู่จะใช้อำนาจทางทหารเข้าจัดการกับผู้ชุมนุม ทำให้โดยรอบทำเนียบขาว และอีกหลายจุดในกรุงวอชิงตัน เกิดการประท้วงจนสถานการณ์รุนแรงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเฉพาะในกรุงวอชิงตัน มีกำลังเสริมจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ อย่างน้อย 1,200 นาย
รายงานข่าวระบุว่า กำลังเจ้าหน้าที่ปราบจลาจล ได้ยิงแก๊สน้ำตา กระสุนยาง และระเบิดเสียง เพื่อสลายการชุมนุมของประชาชนจำนวนมากที่ยังคงรวมตัวกันอย่างแน่นหนาที่ทำเนียบขาว อย่างไรก็ดี ในส่วนของประธานาธิบดีทรัมป์ พร้อมคณะ ซึ่งรวมถึงนายจาเร็ด คุชเนอร์ ที่ปรึกษาอาวุโส ซึ่งมีศักดิ์เป็นบุตรเขยของผู้นำสหรัฐฯ ได้เดินออกจากทำเนียบขาว ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดสูงสุด ก่อนจะตรงไปยังโบสถ์เซนต์จอห์น ที่ห่างออกไปไม่มาก เพื่อสำรวจความเสียหายของสถานที่
ทั้งนี้ แม้ประธานาธิบดีทรัมป์ จะประกาศว่าเขาจะมอบความยุติธรรมให้กับนายจอร์จ ฟลอยด์ แต่การขู่ว่าจะใช้กำลังและการประกาศเคอร์ฟิว เพื่อควบคุมการชุมนุมประท้วง กลับทำให้สถานการณ์เลวร้ายถึงขีดสุดและมีเสียงวิจารณ์จากหลายฝ่ายทันที ยิ่งไปกว่านั้นการที่มีรายงานว่า ทรัมป์ใช้เวลาในบังเกอร์ของทำเนียบขาว นานหลายชั่วโมง เมื่อวันที่ 30พฤษภาคมที่ผ่านมา กลับมีการใช้ทวิตเตอร์ ทวีตข้อความประณามฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองและใช้ถ้อยคำรุนแรงหลายช่วง ทำให้การควบคุมสถานการณ์ยากขึ้นอีก
ด้าน นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก และนายบิล เดอบลาซิโอ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก เผยแพร่แถลงการณ์ร่วมกัน เรื่อง การบังคับใช้เคอร์ฟิว ระหว่างเวลา 23.00 น.-05.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นวันที่ 2 มิถุนายน ซึ่งถือเป็นคำสั่งที่ต่อยอดจากมาตรการจำกัดการเคลื่อนไหวนอกเคหสถานของประชาชน ที่บังคับใช้ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19
วันเดียวกัน มีรายงานข่าวว่า ผลการชันสูตรศพนายจอร์จ ฟลอยด์ ปรากฏออกมาแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าเขาถูกฆาตกรรม เนื่องจากเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันจากการขาดอากาศหายใจ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เจ้าหน้าที่ใช้เข่ากดที่บริเวณลำคอ โดยภาพจากคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่กระทำการเป็นเวลานาน แม้ว่าผู้เสียชีวิตจะเอ่ยปากบอกแล้วว่าหายใจไม่ออก จนเสียชีวิตในที่สุด และเป็นสาเหตุของความโกรธแค้นที่ปะทุขึ้นอีกครั้งกรณีเจ้าหน้าที่ทำร้ายชาวอเมริกันผิวสี ทำให้เกิดการประท้วงต่อต้าน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพของรัฐมินนิโซตา ระบุว่าพบหลักฐานโรคหัวใจและการใช้ยา แต่การเสียชีวิตมีสาเหตุมาจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันขณะที่นายจอร์จ ฟลอยด์ ถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา สอดคล้องกับการชันสูตรศพของทีมแพทย์ที่ครอบครัวฟลอยด์ จ้างมา ซึ่งระบุว่าเขาตายเนื่องจากขาดอากาศหายใจ เพราะถูกกดเข้าที่คอและหลัง ซึ่งถือเป็นการเสียชีวิตจากการฆาตกรรม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี