ทหารเคลื่อน
ควบคุมม็อบทั่วสหรัฐ
‘บุช’เตือนทรัมป์ทบทวน
กระทรวงกลาโหมสหรัฐเคลื่อนกำลังทหาร 1,600 นาย สู่กรุงวอชิงตัน ท่ามกลางม็อบประท้วง ไม่หวั่นเคอร์ฟิว-คำขู่“ทรัมป์”ปักหลักชุมนุมต่อเนื่อง ส่วนนครชิคาโก ปชช.สังเวย2ศพ ตร.รวบผู้ก่อจลาจลกว่า60 คน ด้าน อดีตประธานาธิบดี “บุช”เตือนสติทบทวนความล้มเหลวปมเหยียดสีผิว เปิดรับฟังความคิดเห็น
เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานความคืบหน้าเหตุประท้วงในหลายรัฐทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา จากกรณีการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ ชายอเมริกันผิวสี ซึ่งถูกตำรวจเมืองมินนิอาโปลิส รัฐมินนิโซตา ควบคุมตัวหลังจากตกเป็นผู้ต้องสงสัยใช้ธนบัตรปลอม แต่กลับถูกใช้หัวเข่ากดที่ลำคอเป็นเวลานานจนขาดอากาศหายใจและเสียชีวิต โดยปรากฏคลิปวีดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ กลายเป็นประเด็นต่อต้านการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ และประเด็นการเหยียดสีผิว ว่าทางกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้แถลงการณ์ โดยมีเนื้อหาว่า มีการเคลื่อนย้ายกำลังพลประมาณ 1,600 นาย พร้อมยุทโธปกรณ์ เข้าสู่กรุงวอชิงตันและพื้นที่โดยรอบ แต่ไม่มีการประจำการในเขตใจกลางเมือง
ทหารเข้าควบคุมการชุมนุม
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ซึ่งเข้าไปในพื้นที่นั้นไม่ได้ระบุว่ามาจากฐานทัพแห่งใด ซึ่งมีทั้งสารวัตรทหาร เจ้าหน้าที่เทคนิคฝ่ายโยธา และเจ้าหน้าที่สังกัดกองพันทหารราบ แม้ว่าทุกนายได้รับคำสั่งให้อยู่ในสถานะตื่นตัวและเตรียมพร้อมขั้นสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่การเข้าร่วมปฏิบัติการสนับสนุนด้านความมั่นคงให้กับหน่วยงานพลเรือน แต่อย่างใด
งัดกม.ปี1807บังคับใช้ทั่วสหรัฐฯ
ทั้งนี้ สำหรับคำสั่งดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางเหตุชุมนุมประท้วงเรียกร้องความเท่าเทียมทางสีผิวทั่วสหรัฐฯ โดยบางพื้นที่ได้ทวีความรุนแรง ลุกลามบานปลาย กลายเป็นเหตุจลาจล มีการขโมยข้าวของ ทำลายทรัพย์สินตามร้านค้าและสถานที่ต่างๆ ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ต้องออกมาขู่ว่าจะประกาศเคอร์ฟิวในระดับรัฐบาลกลาง และบังคับใช้กฎหมายปี 1807 เพื่อเคลื่อนกำลังทหารสหรัฐฯ ทั่วประเทศ เข้าไปควบคุมสถานการณ์
บุกประชิดถึงหน้าทำเนียบขาว
มีรายงานข่าวว่า หลังจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ว่ามีการเคลื่อนย้ายกำลังพล 1,600 นาย แต่ไมได้ประจำการในเขตใจกลางเมือง ท่ามกลางสถานการณ์การชุมนุมประท้วงที่ยังรุนแรงในหลายรัฐ ทำให้ผู้ชุมนุมยังคงหลั่งไหลกันออกมารวมตัวประท้วง โดยเคลื่อนไปถึงบริเวณด้านหน้าทำเนียบขาว แต่มีเจ้าหน้าที่คอยจับตาดูอย่างใกล้ชิด ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด ประกอบกับก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาแถลงขู่ว่าจะส่งกำลังทหารไปยุติการจลาจล ปล้นสะดม ทำลายทรัพย์สิน พร้อมกับเรียกร้องให้บรรดาผู้ว่าการรัฐ รีบจัดการกับการประท้วงให้ได้โดยเร็ว หากไม่ดำเนินการ เขาจะส่งทหารเข้าไปแก้ปัญหาเอง แต่แม้ว่าจะมีคำขู่ดังกล่าว ผู้ประท้วงในหลายเมืองก็ยังคงชุมนุมต่อไป
สั่งฐานทัพสแตนบายด์24ชม.
นอกจากนี้ยังมีการสั่งให้ฐานทัพฟอร์ต คาร์สัน ในรัฐโคโลราโด และฐานทัพฟอร์ต ไรลีย์ รัฐแคนซัส เตรียมเจ้าหน้าที่ให้พร้อมออกปฏิบัติการใน 24 ชั่วโมง โดยการระดมพลครั้งนี้อาจใช้กำลังสารวัตรทหารจากฐานทัพทั้ง 4 แห่ง รวมกันประมาณ 800 นาย
ม็อบต้าน ตร.ยังลุกฮือวันที่8
รายงานข่าวระบุว่า กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงการปฏิบัติการของตำรวจเมืองมินีอาโปลิส รัฐมินนิโซตา จนส่งผลให้นายจอร์จ ฟลอยด์ เสียชีวิต ยังคงชุมนุมตามเมืองเมืองต่างๆ ในกว่า 40 รัฐทั่วประเทศ รวมทั้งมหานครนิวยอร์ก เมืองสำคัญทางเศรษฐกิจ และกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.เมืองหลวงของประเทศ โดยการชุมนุมดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 ติดต่อกัน นับตั้งแต่เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้ว
ฝูงชนไม่สนประกาศเคอร์ฟิว
รายงานข่าวระบุด้วยว่า กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงไม่สนใจต่อการประกาศบังคับใช้มาตรการห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานในยามวิกาล หรือประกาศเคอร์ฟิว ซึ่งทางการได้บังคับใช้ไปแล้วถึง 40 เมือง ในรัฐต่างๆ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมต่างพากันไปรวมตัวในย่านสำคัญของเมือง เช่น ย่านดาวทาวน์ และบริเวณจตุรัสสแควร์ของเมือง รวมถึงท้องถนนสายต่างๆ ท่ามกลางการเผชิญหน้ากับตำรวจควบคุมฝูงชนที่ถูกจัดวางกำลังไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อควบคุมสถานการณ์
ชิคาโกเดือดละเลงเลือด2ราย
ส่วนที่นครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ การชุมนุมลุกลามจากเมืองมินนีอาโพลิส รัฐมินนิโซตา จนเกิดเหตุนองเลือดขึ้น เมื่อการชุมนุมประท้วงบานปลายเป็นการจลาจล ปล้นสะดมทรัพย์สิน ทำลายอาคารสถานที่ ในช่วงค่ำวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้นจากกลุ่มคนไม่ทราบฝ่าย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวทางตำรวจได้ระดมกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์ จนสามารถจับกุมกลุ่มผู้ชุมนุมที่ก่อจลาจลไว้ได้กว่า 60 คน
“ทรัมป์”มีแผนคุมกำลัง ตร.เอง
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงวอชิงตัน อ้างข้อมูลรายงานของสำนักข่าวเดอะวอชิงตันโพสต์ และสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี กรุงวอชิงตัน ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวคิดเข้าไปควบคุมการทำงานของสำนักงานตำรวจกรุงวอชิงตัน ที่ปัจจุบันมีกำลังอยู่ประมาณ 4,000 นาย เพื่อจัดการกับสถานการณ์การประท้วง และการก่อจลาจลในพื้นที่ซึ่งมีการปลุกระดมประเด็นการเหยียดสีผิว แต่ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจกรุงวอชิงตัน ปีเตอร์ นิวแชม ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นอย่างเป็นทางการ
เทศมนตรีอ้างเพียงแสดงจุดยืน
ด้านนางมูเรียล โบว์เซอร์ นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน กล่าวเพียงว่าผู้นำสหรัฐฯ กำลังพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อแสดงความแข็งแกร่งในเมืองหลวงของสหรัฐฯ เป็นการแสดงจุดยืนของนายโดนัลด์ ทรัมป์
ขณะเดียวกัน ตำรวจกรุงวอชิงตัน ได้สลายการชุมนุมในพื้นที่โดยรอบทำเนียบขาว เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา เพื่อเปิดทางให้ผู้นำสหรัฐฯ และคณะ เดินไปยังโบสถ์เซนต์จอห์น ที่อยู่ใกล้กัน พร้อมกับแถลงการณ์ว่าไม่ได้ใช้แก๊สน้ำตา เพียงแต่ใช้ระเบิดควันและกระสุนพริกไทย เท่านั้น
“บุช”จี้ให้ทบทวนความล้มเหลว
ขณะที่นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช วัย73ปี อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ช่วงระหว่างปี 2544-2552 ออกมาแถลงแสดงถึงความเจ็บปวดต่อการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ ที่ถูกตำรวจใช้เข่ากดคอจนขาดอากาศหายใจและเสียชีวิต ว่าเป็นความล้มเหลวที่น่าตกใจ ชาวอเมริกันแอฟริกันจำนวนมากโดยเฉพาะที่เป็นคนหนุ่ม ถูกข่มขู่คุกคามในประเทศตนเอง ถือเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมแบบเดียวกันที่เกิดขึ้นมายาวนาน ทำให้เกิดคำถามที่ถูกปล่อยให้ล่วงเลยมานาน ว่าจะยุติการเหยียดเชื้อชาติเช่นนี้ได้อย่างไร ถึงเวลาที่สหรัฐฯ จะต้องทบทวนความล้มเหลวที่น่าสลดใจนี้
อดีตปธน.เผยควรเปิดใจรับฟัง
แถลงการณ์ของ อดีตผู้นำสหรัฐฯไม่ได้ระบุโดยตรงถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่สังกดัพรรคเดียวกันและอยู่ในช่วงวัยเดียวกัน แต่ย้ำถึงความจำเป็นของการรับฟังเสียงของผู้คนมากมายที่กำลังเจ็บปวดและเศร้าเสียใจ กลุ่มคนที่ต้องการทำให้เสียงเหล่านี้เงียบลงไม่เข้าใจความหมายของคำว่าสหรัฐอเมริกา หรือวิธีที่จะทำให้สหรัฐฯ ดีขึ้น วีรชนของสหรัฐฯ ตั้งแต่เฟรเดอริก ดักลาส แฮร์เรียต ทับแมน อับราฮัม ลินคอล์น ไปจนถึงมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ล้วนแต่เป็นวีรชนแห่งความเป็นเอกภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี