สหรัฐกำลังแพ้!
แพทย์อาวุโสวิเคราะห์ศึกโควิด
ชี้ลดล็อกดาวน์ไร้ประสิทธิภาพ
ทีมแพทย์อาวุโสระบุชัด“สหรัฐ”กำลังพ่ายแพ้ ให้สงครามไวรัสโควิด-19 การผ่อนคลายล็อกดาวน์ของทุกรัฐยังไร้ประสิทธิภาพ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในภูมิภาคลาตินอเมริกา-แคริบเบียน ทะลุ 1 แสนรายแล้ว ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งกว่า 2.1 ล้านราย หลายประเทศในยุโรป กลับมาใช้มาตรการป้องกันอย่างเข้มงวดอีกครั้งรับมือแพร่ระบาดไวรัสระลอกใหม่
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ว่านพ.แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดต่อและภูมิแพ้แห่งชาติของสหรัฐ (เอ็นไอเอช ) นพ.โรเบิร์ต เรดฟิลด์ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) นายสตีเฟน ฮาห์น ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (เอฟดีเอ) และพล.ร.อ. นพ.เบรตต์ จิรัวร์ ที่ปรึกษาอาวุโสประจำกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐ เข้ารับการซักฟอกจากคณะกรรมาธิการพลังงานและการพาณิชย์ของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันอังคาร เกี่ยวกับนโยบายของทำเนียบขาว ในการตอบสนองต่อวิกฤติโรคโควิด-19
ลดล็อกดาวน์ยังไร้ประสิทธิภาพ
นพ.เฟาซีกล่าวว่า เขาเข้าใจและเห็นใจความปรารถนาของทุกฝ่าย ที่ต้องการให้ภาครัฐผ่อนคลายหรือถึงขั้นยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ที่บังคับใช้มานานหลายเดือน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าต่อไป แต่เท่าที่เขาเฝ้าสังเกตมาตลอดพบว่า ยังไม่มีรัฐใดในประเทศที่ลดระดับมาตรการล็อกดาวน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงส่งผลให้หลายรัฐกลับมามีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นการแพร่ระบาดของโรคภายในชุมชน และบางรัฐเป็นการเพิ่มแบบอัตราเร่ง โดยเฉพาะในกลุ่มรัฐทางใต้และตะวันตก ซึ่งนพ.เฟาซีกล่าวอย่างเจาะจงไปที่รัฐเทกซัส รัฐฟลอริดา และรัฐแอริโซนา สัปดาห์นี้เป็น ช่วงเวลาสำคัญ ที่จะสามารถคาดการณ์ได้ว่า บรรดารัฐที่ปลดล็อกแล้วจะควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้มากน้อยเพียงใด
ชี้อเมริกากำลังพ่ายแพ้
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมตั้งคำถามเกี่ยวกับกระบวนการตรวจคัดกรอง นพ.เฟาซี ซึ่งเป็นผู้ตอบคำถามส่วนใหญ่ ยืนยันว่าหน่วยงานสาธารณสุขไม่เคยได้รับคำสั่งจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ชะลอการตรวจประชาชน ด้านนพ.เรดฟิลด์กล่าวเสริมว่า มาตรการตรวจคัดกรองคือหนึ่งในหัวใจของการทำงานในเรื่องนี้ และเน้นย้ำให้ประชาชนรักษาระยะห่างทางสังคมต่อไปด้วย เพราะตอนนี้เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่กำลังทำให้สหรัฐอเมริกา “พ่ายแพ้”
รัฐวอชิงตันสั่งสวมแมสในที่สาธารณะ
วันเดียวกัน ทางการรัฐเทกซัสรายงานการมีผู้ป่วยยืนยันจากโรคโควิด-19 เกิน 5,000 คนเป็นครั้งแรก โดยอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากปลายเดือนพฤษภาคม เป็นเกือบ 9% นอกจากนี้ รัฐลุยเซียนา รัฐมิสซิสซิปปี รัฐเนวาดา และรัฐแอริโซนา รายงานสถิติผู้ป่วยรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อวันอังคาร
นายเจย์ อินสลี ผู้ว่าการรัฐวอชิงตันของสหรัฐออกคำสั่งให้ผู้อยู่อาศัยในรัฐ ต้องสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ ในขณะที่ทั่วประเทศกำลังพยายามหาวิธีการในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในช่วงผ่อนคลายมาตรการและเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง
ละตินอเมริกา-แคริบเบียนดับเกินแสน
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในภูมิภาคละตินอเมริกาและแคริบเบียน ยังคงวิกฤติหนัก ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตในภูมิภาคทะลุ 100,000 รายแล้ว ในจำนวนนี้อยู่ในบราซิลกว่าครึ่งหนึ่ง ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วภูมิภาคเกินกว่า 2.1 ล้านราย ประเทศที่มีการแพร่ระบาดรุนแรง ได้แก่ บราซิล เม็กซิโก เปรู และชิลี โดยเฉพาะบราซิล ซึ่งมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐ ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 1,150,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตเกือบ 53,000 ราย.
ศาลสั่ง’ปธน.บราซิล’สวมหน้ากาก
นาย เรนาโต บอเรลลี ผู้พิพากษาในประเทศบราซิล ออกคำสั่งบังคับให้ประธานาธิบดี ชาอีร์ โบลโซนาโร สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกที่สาธารณะในกรุงบราซิเลีย และเขตข้างเคียง เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 หากฝ่าฝืนจะถูกปรับเงิน 2,000 เรียล (ราว 12,000 บาท) โดยประธานาธิบดีโบลโซนารีถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องการรับมือไวรัสโควิด-19 โดยเขาปฏิเสธอันตรายของไวรัสตัวนี้หลายครั้ง ตั้งแต่บอกว่าเป็นไข้หวัดเล็กน้อย รวมทั้งกล่าวหาว่าข่าวเรื่องการระบาดเป็นเรื่องเกินจริง และเรียกร้องให้แต่ละรัฐผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังมีภาพปรากฏบ่อยครั้งว่า นายโบลโซนาโรออกที่สาธารณะโดยไม่สวมหน้ากากป้องกันโรค แม้ผู้ว่ากรุงบราซิเลียจะออกคำสั่งให้ใส่หน้ากากมาตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน โดยครั้งหนึ่ง มีคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นว่า ระหว่างทักทายผู้สนับสนุน เขาจามออกมาแล้วใช้มือปิดปาก ก่อนจะใช้มือข้างนั้นจับมือกับหญิงชราที่เข้ามาหา
เม็กซิโกเปิดรพ.สนามในค่ายทหาร
ทางด้าน กองทัพเม็กซิโกเปิดโรงพยาบาลสนามในค่ายทหาร ใช้เป็นที่รักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 โดยให้การรักษาทั้งทหารและพลเรือน โดยในเวลานี้ค่ายทหารนับร้อยแห่งทั่วประเทศได้แปลงสภาพเป็นโรงพยาบาลในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการรัฐบาลในการป้องกันไม่ให้ระบบสาธารณสุขของประเทศต้องล่มสลาย เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลาย แต่ละวันพบผู้ติดเชื้อรายใหม่หลายพันคน ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 185,000 คน และมีผู้เสียชีวิตราว 22,600 คน
ออสเตรเลียพบตายในรอบกว่า1เดือน
รัฐวิคตอเรีย ของออสเตรเลียรายงานว่า มีชายอายุราว 80 ปีคนหนึ่งเสียชีวิตเมื่อคืนที่ผ่านมา จากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 โดยนับเป็นผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนารายแรกของประเทศในรอบกว่าหนึ่งเดือน โดยรัฐวิคตอเรีย มีผู้ป่วยเพิ่มอีก 20 คน ทำให้ทางรัฐมีผู้ติดเชื้อสะสมแล้วเกือบ 1,900 คน โดยเมื่อวานนี้มีผู้ป่วยเพิ่ม 17 คน และวันก่อนหน้านี้อีก 16 คน ซึ่งการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยใหม่ในรัฐวิคตอเรีย ทำให้เกิดความกังวลเรื่องการระบาดระลอกสอง โดยขณะนี้มี 241 กรณีแล้วที่ถูกระบุว่าเป็นการติดเชื้อในชุมชน เพิ่มขึ้นจากเมื่อวานนี้ 8 คน
ยุโรปกลับมาใช้มาตรการจำกัดอีกครั้ง
เยอรมนีและประเทศอื่นๆ ในยุโรป กลับมาใช้มาตรการจำกัดอีกครั้ง เพื่อรับมือกับการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยในรัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย ของเยอรมนี มีพนักงานโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์แห่งหนึ่ง ติดเชื้อมากกว่า 1,500 คน และมีชาวเมืองประมาณ 7,000 คน ที่ต้องถูกกักโรค จนทางผู้ว่าการรัฐต้องประกาศปิดพื้นที่รอบโรงงาน ไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน และจะมีการปิดสถานที่สาธารณะ เช่น โรงภาพยนตร์ พิพิธภัณฑ์ และสระว่ายน้ำ
ขณะที่ในโปรตุเกส จะสั่งห้ามร้านอาหารทั้งใน และรอบๆ กรุงลิสบอน ไม่ให้เสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลังเวลา 20.00 น. หลังจำนวนผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ส่วนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสเปน ไวรัสกำลังระบาดในหมู่เกษตรกรที่ย้ายถิ่นตามฤดูกาล และกำหนดให้ร้านค้าและร้านอาหารต้องจำกัดจำนวนลูกค้าภายในร้าน
ด้านบัลแกเรีย ได้แนะนำให้กลับมาสวมหน้ากากอนามัยอีกครั้งตามสถานที่สาธารณะในร่ม หลังจากผ่อนคลายไปเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน แต่นับแต่นั้นเป็นต้นมา ก็มีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้น ส่วนประเทศแถบคาบสมุทรบอลข่าน ก็มีการระบาดเพิ่มขึ้นเช่นกัน
อังกฤษเปิด’ผับ-โรงหนัง’4 ก.ค.
ด้าน นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษ แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภาว่า รัฐบาลจะอนุญาตให้ธุรกิจกลับมาเปิดให้บริการในส่วนของร้านอาหาร ผับ ร้านทำผม พิพิธภัณฑ์ สนามเด็กเล่น โรงภาพยนตร์ โรงแรม และจุดตั้งแคมป์ ในวันที่ 4 กรกฎาคม เป็นต้นไป โดยการกลับมาเปิดให้บริการในภาคส่วนดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ภายหลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในอังกฤษลดลง โดยมีผู้ติดเชื้อในอัตราส่วนเพียง 1 ใน 1,700 คน จากระดับเดือนพ.ค.ที่มีอัตราส่วนผู้ติดเชื้อ 1 ใน 400 คน และอัตราเฉลี่ยของผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ก็ลดลงเหลือประมาณ 130 รายต่อวัน นอกจากนี้ มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ที่ 2 เมตรนั้น จะถูกลดระยะห่างลงเหลือ 1 เมตรด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี ยิมที่ตั้งอยู่ภายในอาคาร ยังไม่ได้รับการอนุมัติให้เปิดบริการ
ติดเชื้อทั่วโลก9.3ล้านดับ4.8แสน
สถานการณ์การแพร่ระบาดล่าสุดของ ไวรัสโควิด-19 จากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ประจำวันที่ 24 มิถุนายน 2563 มีดังนี้ ผู้ติดเชื้อรวม 9,380,654 ราย ผู้เสียชีวิตรวม 480,395 ราย รักษาหายรวม 5,068,331 ราย
สหรัฐ ติดเชื้อ 2,424,493 ราย เสียชีวิต 123,476 ราย บราซิล ติดเชื้อ 1,151,479 ราย เสียชีวิต 52,771 ราย รัสเซีย ติดเชื้อ 606,881 ราย เสียชีวิต 8,513 ราย อินเดีย ติดเชื้อ 457,621 ราย เสียชีวิต 14,500 ราย อังกฤษ ติดเชื้อ 306,210 ราย เสียชีวิต 42,927 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี