29 มิ.ย. 2563 องค์กร Article 19 ซึ่งเป็นกลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ออกแถลงการณ์ “Thailand: Stop using emergency powers to restrict the rights of protesters” ระบุว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในประเทศไทยเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ถูกนำไปใช้จัดการกับผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและผู้ชุมนุมประท้วงอย่างสงบ โดยตำรวจมีการแจ้งข้อหากับนักเคลื่อนไหวอย่างน้อย 25 คน ล่าสุดการยืดเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินออกไป ถูกมองว่าต้องการปิดกั้นไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล
แมทธิว บักเกอร์ (Matthew Bugher) หัวหน้าโครงการภาคพื้นเอเชียของ Article 19 กล่าวว่า ในสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลาย ทางการไทยได้เพิ่มแรงกดดันต่อนักเคลื่อนไหวและผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล มาตรการที่ใช้เพื่อควบคุมโรคระบาดยังถูกนำมาใช้คุกคามและขัดขวางผู้แสดงออกอย่างสันติเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมและความรับผิดชอบ ทั้งนี้ ประเทศไทยประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. 2563 สาระสำคัญคือปิดสถานที่ต่างๆ เช่น สถานบันเทิง สนามกีฬาและสถานที่สาธารณะอื่นๆ ห้ามกักตันสินค้าและห้ามเดินทางข้ามประเทศ
องค์กร Article 19 แสดงความกังวลเรื่องประกาศห้ามเสนอข่าวสารอันเป็นเท็จหรือสร้างความตื่นตระหนก เนื่องจากอาจถูกใช้เพื่อจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกและการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร นอกจากนี้ยังมีการห้ามชุมนุมรวมกลุ่มที่อาจก่อให้เกิดความไม่สงบ ซึ่งผู้ฝ่าฝืนอาจได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ทั้งนี่ ล่าสุดมีคำแนะนำจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้ขยายการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไปถึงวันที่ 31 ก.ค. 2563 และคณะรัฐมนตรีของไทยน่าจะอนุมัติในวันที่ 30 มิ.ย. 2563 แม้ในประเทศไทยจะไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่มาแล้วกว่า 1 เดือนก็ตาม
ตัวอย่างของผู้ได้รับผลกระทบ เช่น กลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องให้ทางการไทยติดตามคดีการหายตัวไปของ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ (Wanchalearm Satsaksit) นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่หนีออกจากประเทศไทย เมื่อครั้งกองทัพทำรัฐประหารในปี 2557 ไปอยู่ในประเทศกัมพูชา และถูกลักพาตัวในกรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2563 แกนนำกลุ่มสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (Student Union of Thailand) ถูกแจ้งข้อหาฝ่าฝืนข้อห้ามตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในการชุมนุมโดยสงบเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2563
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาตำรวจได้เปลี่ยนไปแจ้งข้อหาผิดกฎหมายรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยแทนกับกลุ่มผู้จัดกิจกรรมดังกล่าว บรรดานักเคลื่อนไหวมีการรายงานว่าถูกสอดส่องรวมถึงมีตำรวจไปเยี่ยมบ้านโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า นอกจากนี้ยังมีอดีตนักการเมืองและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกดำเนินคดีในการทำกิจกรรมครบรอบ 10 ปีการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง การห้ามจัดกิจกรรมรำลึกเหตุการณ์ประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในประเทศจีน
อนึ่ง ไม่เฉพาะนักเคลื่อนไหวทางการเมืองเท่านั้น ยังมีกรณีผู้ประท้วงเพราะได้รับความเดือดร้อนจากโครงการพัฒนาต่างๆ ของรัฐ เช่น วันที่ 28 เม.ย. 2563 นักเคลื่อนไหวคัดค้านการทำเหมืองแร่ใน จ.ชัยภูมิ ถูกข่มขู่จากตำรวจว่าจะดำเนินคดีฐานฝ่าฝืนข้อห้ามตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงกรณีประท้วงโครงการก่อสร้างเขื่อนกั้นคลื่นบริเวณชายหาดใน จ.สงขลา
แถลงการณ์ยังกล่าวถึงการใช้ทั้งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินรวมถึงกฎหมายว่าด้วยความผิดทางคอมพิวเตอร์เพื่อดำเนินคดีกับบุคคลจำนวน 42 คน ที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการรับมือโรคระบาดของรัฐบาลไทย เช่น กรณีของ Danai Usama ศิลปินไทยที่โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว ตั้งข้อสังเกตมาตรการคัดกรองผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ ในวันที่เดินทางกลับมาจากเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน
จากสถานการณ์ในปัจจุบันของประเทศไทย ข้อจำกัดเรื่องเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมไม่อาจพิสูจน์ได้ในพื้นที่สาธารณสุข ประเทศไทยควรยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินซึ่งมีข้อจำกัดดังกล่าวทันที รวมถึงยุติการดำเนินคดีอาญากับผู้ที่ใช้สิทธินั้น รัฐบาลไทยกำลังปล่อยให้คนไทยใช้ชีวิตตามปกติบนขบวนรถไฟที่แออัดและใช้เวลายามบ่ายในห้างสรรพสินค้า แต่ในขณะเดียวกันกลับมีการดำเนินคดีกับผู้ที่รวมกลุ่มเล็กๆ เพื่อแสดงออก อันตรายของสังคมไทยวันนี้ไม่ใช่ไวรัสโควิด-19 แต่เป็นรัฐบาลที่ต้องการปิดปากนักวิจารณ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี