อินเดียพุ่งไม่หยุด
ติดเชื้อ6.9แสนขึ้นที่3ของโลก
สั่งระงับเปิดทัชมาฮาล
ผวาไวรัสโควิดแพร่ซ้ำ
สหรัฐผู้ป่วยเพิ่ม39รัฐ
หลังร่วมฉลองวันชาติ
ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศอินเดีย พุ่ง 6.9 แสนคน มากที่สุดในทวีปเอเชีย ขยับแซงรัสเซียขึ้นมาอันดับ 3ของโลก พร้อมระงับการเปิดทัชมาฮาลผวาโควิด-19 ระบาดซ้ำ ส่วนสหรัฐหลังฉลองวันชาติทำยอดผู้ติดเชื้อเพิ่ม 39 รัฐผู้ว่าการรัฐจี้ยกเป็นนโยบายระดับชาติหลังมีผู้ติดเชื้อใกล้3ล้านคน เสียชีวิต1.3แสนคน ส่วนสองรัฐใหญ่ในออสเตรเลีย ปิดพรมแดนระหว่างกันครั้งแรก ในรอบ100ปี ควบคุมการแพร่ระบาด
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดียว่ากระทรวงสาธารณสุขของอินเดีย ออกแถลงการณ์ รายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 ของประเทศในรอบ24ชั่วโมงว่ามีการยืนยันผู้ติดเชื้อใหม่ 24,248 คน มากเป็นประวัติการณ์ เพิ่มสถิติสะสม เป็นอย่างน้อย 697,413 คน
อินเดียติดเชื้อพุ่งขึ้นที่3ของโลก
ส่งผลให้อินเดีย มียอดผู้ติดเชื้อมากที่สุดในทวีปเอเชีย และแซงประเทศรัสเซียขึ้นมา เป็นอันดับ 3 ของโลก โดยสถิติผู้ป่วยสะสมของรัสเซีย อยู่ที่อย่างน้อย 681,251คน ส่วนอันดับที่ 1 สหรัฐอเมริกา มีผู้ป่วยสะสมประมาณ 2.9 ล้านคนและอันดับที่ 2 บราซิล มีผู้ป่วยสะสมประมาณ 1.6 ล้านคน
ขณะที่ผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19ในอินเดีย ในรอบวันที่ผ่านมา อยู่ที่ 425 คน เพิ่มจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมเป็นอย่างน้อย 19,693 คน เป็น 1 ใน 11 ประเทศบนโลก ที่มีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19สะสมมากกว่า 10,000 คน โดยอันดับที่ 1 เป็นสหรัฐ คือ ประมาณ132,000คน ตามด้วยบราซิล ประมาณ 64,000 คน สหราชอาณาจักร ประมาณ 44,000 คน อิตาลี 34,861 คน เม็กซิโก มีผู้เสียชีวิต30,639 คน ฝรั่งเศส 29,893 คน สเปน 28,385 คน อิหร่าน 11,571 คน เปรู 10,589 คน และ รัสเซีย 10,161 คน
ระงับเปิดทัชมาฮาลผวาระบาดซ้ำ
นอกจากนี้ ทางการอินเดียได้สั่งระงับแผนการเปิดให้นักท่องเที่ยวกลับเข้าไปเยี่ยมชมทัชมาฮาล อนุสรณ์สถานแห่งความรัก ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ทั้งยังได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของอินเดียแล้ว โดยคำสั่งดังกล่าว มีขึ้นเนื่องจากหวั่นเกรงว่าการเปิดทัชมาฮาล ที่ตั้งอยู่ในเมืองอัคระ รัฐอุตรประเทศ จะทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าไปในเมืองจนทำให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ระลอกใหม่
อีกทั้ง ทางการท้องถิ่นได้ออกประกาศคำแนะนำเมื่อช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ผ่านมาขยายเวลาการปิดอนุสรณ์สถานทั้งในและโดยรอบเมืองอัคระ แม้ไม่ระบุชื่อสถานที่เป็นการชัดเจนซึ่งทัชมาฮาลได้ปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมตั้งแต่เดือนมีนาคม เป็นต้นมา เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นให้เหตุผลว่าการขยายเวลาสั่งปิดอนุสรณ์สถานต่างๆเพื่อผลประโยชน์สาธารณะ ทางการตัดสินใจว่ายังไม่ควรจะเปิดอนุสรณ์สถานใดๆขณะนี้
ทั้งนี้ เมืองอัคระ เป็นหนึ่งในคลัสเตอร์การแพร่ระบาดใหญ่แห่งแรกของไวรัสโควิด-19ในอินเดีย และรัฐอุตรประเทศซึ่งมีประชากรหนาแน่นที่สุดในอินเดียยังเป็นพื้นที่ที่สถานการณ์การแพร่ระบาดเลวร้ายที่สุดในประเทศอีกด้วย
ฉลองวันชาติมะกันทำผู้ติดเชื้อ39รัฐ
สถานการณ์ไวรัสในสหรัฐฯ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่านายอาซา ฮัตชินสัน ผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอ เปิดเผยในรายการ”มีท เดอะ เพรสส์ “ของโทรทัศน์เอ็นบีซีว่าการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ถึง 39 รัฐในวันชาติของสหรัฐ น่าจะมาจากการรวมกลุ่มจัดงานเฉลิมฉลองกันอย่างเต็มที่ โดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ก็ปฏิเสธที่จะสวมหน้ากากขณะออกมาในที่สาธารณะระบุว่าเป็นสิทธิของแต่ละคนว่า อยากสวมหรือไม่ ส่งผลให้ชาวอเมริกันบางส่วนทำตาม
ด้าน นายฟิล เมอร์ฟี ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ระบุการแก้ปัญหาโควิด-19 ควรเป็นนโยบายระดับชาติ ไม่ใช่ระดับท้องถิ่น ในช่วง 4 วันแรกของเดือนกรกฎาคม 15รัฐ มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยในขณะนี้สหรัฐมีผู้ติดเชื้อเกือบ 3 ล้านคน และเสียชีวิตไปแล้วเกือบ 130,000 คน
2รัฐในออสเตรเลียปิดพรมแดนรอบ100ปี
รัฐนิวเซาท์เวลส์และรัฐวิกตอเรีย ที่มีประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งและสองของออสเตรเลียจะปิดพรมแดนระหว่างกันเป็นครั้งแรกในรอบ100ปีและจะปิดอย่างไม่มีกำหนด หลังจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ระบาดหนักในรัฐวิกตอเรีย สองรัฐนี้ เคยปิดพรมแดนระหว่างกันครั้งหลังสุดในปี 2462 ช่วงไข้หวัดใหญ่สเปนระบาดขณะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1
นายแดเนียล แอนดรูว์ มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย ประกาศในวันนี้ เรื่องปิดพรมแดนกับรัฐนิวเซาท์เวลส์ว่า เป็นการตัดสินใจที่เหมาะสมกับเวลานี้เพราะกำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญในการควบคุมเชื้อไวรัสโคโรนา การปิดพรมแดนจะมีผลตั้งแต่เวลา 23.59 น.วันอังคาร ตามเวลาท้องถิ่น เป็นการตัดสินใจ ร่วมกันกับนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสสันและนางกลาดิส เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ส่วนพรมแดนอีกด้านหนึ่งของรัฐวิกตอเรียที่ติดกับรัฐเซาท์ออสเตรเลีย ถูกปิดไปแล้วก่อนหน้านี้
รัฐวิกตอเรีย อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย พรมแดนทางเหนือติดกับรัฐนิวเซาท์เวลส์ พรมแดนทางตะวันตกติดกับรัฐเซาท์ออสเตรเลีย พบผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายใหม่ 127คนเมื่อคืนที่ผ่านมา มากที่สุดในวันเดียวนับตั้งแต่พบการระบาดในประเทศ และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 คน เป็นผู้เสียชีวิตรายแรกของประเทศในรอบกว่าสองสัปดาห์ เฉพาะที่เมืองเมลเบิร์น เมืองเอกของรัฐเพียงแห่งเดียวมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นจนทางการต้องบังคับใช้มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมใน 30 เขต และปิดอาคารการเคหะ 9 แห่งห้ามคนเข้าออกอย่างเด็ดขาด ออสเตรเลียมีผู้ป่วยโควิด-19 สะสมแล้วกว่า 8,500 คน เสียชีวิต 105 คน
อิหร่านประกาศกฎเหล็กคุมเข้ม
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเตหะรานประเทศอิหร่านเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ว่ากระทรวงสาธารณสุขของอิหร่านออกแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ ว่าบุคคลใดที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า จะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้บริการในสถานที่สาธารณะและระบบขนส่งมวลชนทุกแห่ง ขณะที่สถานประกอบการเอกชนซึ่งไม่เคร่งครัดกับเรื่องนี้ เช่น ให้บริการกับผู้ที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย หรือปล่อยให้พนักงานซึ่งไม่สวมหน้ากาอนามัยเข้ามาทำงาน จะถูกลงโทษด้วยการปิดบริการเป็นเวลา 7 วัน
ขณะที่สถานีโทรทัศน์และสำนักข่าวที่เป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลเตหะรานเผยแพร่ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวของอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุด และประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานี ตลอดจนเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนในรัฐบาลอิหร่าน ต่างสวมหน้ากากอนามัยและหน้ากากผ้า เพื่อเป็นตัวอย่างแก่ประชาชนและมีการเสนอรายการพิเศษ รณรงค์การสวมหน้ากากเมื่ออยู่ในสถานที่สาธารณะและการเตือนว่าเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่”ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น”
ด้านประธานาธิบดีโรฮานี แถลงด้วยว่าผู้ที่มีอาการต้องสงสัยเป็นโรคโควิด-19 ขอให้ไปพบแพทย์ทันที การปกปิดอาการป่วย และไม่ให้ข้อมูลที่เป็นความจริงกับบุคลากรการแพทย์ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม”ถือเป็นบาปมหันต์”
ทั้งนี้ อิหร่าน เป็นหนึ่งในประเทศแรกนอกจีน ที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระดับรุนแรง โดยกมีการยืนยันผู้ป่วยมากกว่า 240,000 คน และเสียชีวิตมากกว่า11,500คนซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19ในอิหร่านเพิ่มขึ้นอย่างมาก นับตั้งแต่รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดล่าสุดของไวรัสโควิด-19 จากประเทศต่างๆ ทั่วโลกประจำวันที่ 6 กรกฎาคม 2563 มีผู้ติดเชื้อรวม 11,584,874 ราย ผู้เสียชีวิตรวม 537,362 ราย รักษาหายรวม 6,552,292 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี