10 ก.ค. 2563 เว็บไซต์ นสพ.Daily Mail ของอังกฤษ เสนอข่าว 'Unknown pneumonia deadlier than coronavirus' is sweeping across Kazakhstan, Chinese embassy warns as video emerges of families queuing to collect bodies from morgue เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2563 ระบุว่า ทางการจีนประกาศเตือนพบโรคปอดบวมปริศนาในคาซัคสถาน แม้ว่ากระทรวงสาธารณสุขของคาซัคสถานจะออกมาปฏิเสธเรื่องนี้ แต่มีรายงานว่าพบผู้เสียชีวิตจากอาการปอดบวมเพิ่มขึ้นโดยที่ผู้เสียชีวิตกลุ่มนี้ไม่มีความเชื่อมโยงกับไวรัสโควิด-19
ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขคาซัคสถาน ระบุว่า ระหว่างวันที่ 29 มิ.ย.-5 ก.ค. 2563 พบผู้ป่วยปอดอักเสบรวม 32,000 คน เสียชีวิต 451 ราย ขณะที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมรวม 53,021 คน เสียชีวิตรวม 296 ราย ทั้งนี้ ผู้ป่วยปอดอักเสบ 28,000 คน เมื่อผ่านขั้นตอนการตรวจหาไวรัสโควิด-19 กลับไม่พบเชื้อดังกล่าวในร่างกาย ด้านสถานทูตจีนเปิดเผยว่า ในครึ่งปีแรกของปี 2563 มีผู้เสียชีวิตจากปอดบวมหรือปอดอักเสบแล้ว 1,772 รายในคาซัคสถาน โดยในเดือน มิ.ย. 2563 เพียงเดือนเดียวมีผู้เสียชีวิตถึง 628 ราย และผู้เสียชีวิตบางคนเป็นชาวจีน
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากอาการปอดบวมดังกล่าวคือ ไครัท ไบมูคัมเบตอฟ (Kairat Baimukhambetov) ชายวัย 64 ปี เป็นแพทย์ที่มีบทบาทสำคัญในการรับมือไวรัสโควิด-19 ในคาซัคสถาน โรคปอดอักเสบลึกลับนี้ทำให้จีนซึ่งมีพรมแดนติดกับคาซัคสถานกังวลอย่างมาก จึงเป็นที่มาของประกาศเตือนโดยสถานทูตจีนในคาซัคสถาน นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตด้วยว่า โรคปอดบวมลึกลับนี้อาการรุนแรงยิ่งกว่าไวรัสโควิด-19
และแม้ด้านหนึ่ง ทางการคาซัคสถานจะออกมาตอบโต้ว่ารายงานของทางการจีนไม่ถูกต้อง แต่อีกด้านหนึ่ง อเล็กเซ ซอย (Alexei Tsoi) รัฐมนตรีสาธารณสุขคาซัคสถาน ยอมรับว่า คาซัคสถานต้องเผชิญกับโรคปอดอักเสบที่ยังไม่สามารถระบุตัวเชื้อที่ก่อโรคได้ รายงานของกระทรวงสาธารณสุข ยังระบุด้วยว่า ปอดอักเสบเกิดได้ทั้งจากไวรัส แบคทีเรียและเชื้อรา ซึ่งรวมถึงสาเหตุที่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งเป็นไปตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก (WHO)
ในวันที่ 7 ก.ค. 2563 สำนักข่าว Kazinform ของทางการคาซัคสถาน รายงานว่า ในเดือน มิ.ย. 2563 พบผู้ป่วยปอดบวมเพิ่มขึ้น 2.2 เท่าหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ขณะที่ Global Times ซึ่งดำเนินการโดยสำนักข่าว People's Daily ของจีน ระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศคาซัคสถานไม่ได้ให้ความเห็นกรณีคำเตือนจากสถานทูตจีน และแม้จะยังไม่มีความชัดเจนว่าโรคปอดบวม-ปอดอักเสบลึกลับนี้จะเกี่ยวข้องกับไวรัสโควิด-19 หรือไม่ แต่ทางการจีนก็ไปไกลในเรื่องการกล่าวอ้าง
ทั้งนี้ ทางการคาซัคสถานยังไม่ตัดความเป็นไปได้กรณีผู้ป่วยจากโรคปอดบวมลึกลับอาจเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพียงแต่การตรวจคัดกรองครั้งแรกอาจไม่พบเชื้อ ไอซาน เอสมาแกมเบโตวา (Aizhan Esmagambetova) หัวหน้าเจ้าหน้าที่สุขาภิบาล อธิบายว่า ไวรัสโควิด-19 โจมตีระบบทางเดินหายใจจากส่วนบนลงส่วนล่าง และการตรวจ PCR ก็ไม่ได้ให้ผลบวกซึ่งหมายถึงติดเชื้อ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าวิธีการตรวจผิดพลาด อนึ่ง อัตราการเสียชีวิตจากโรคปอดบวมในเดือน มิ.ย. 2563 เพิ่มขึ้น 4 เท่าหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562
ซอล คิสิโควิด (Saule Kisikova) หัวหน้าแผนกดูแลสุขภาพของทางการกรุงนูร์ซุลตัน เมืองหลวงของคาซัคสถาน เปิดเผยว่า มีผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีอาการปอดอักเสบเฉลี่ยวันละ 300 คน และล่าสุดในวันที่ 9 ก.ค. 2563 เพียงวันเดียว พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่สูงถึง 1,962 คน นอกจากนี้ยังมีข้อมูลด้วยว่า ประเทศกำลังหาซื้อเครื่องช่วยหายใจ 1,500 เครื่อง และรถพยาบาลอีก 800 คัน เพื่อรับมือสถานการณ์ดังกล่าว
คาสซิม-โจมาร์ท โทคาเอฟ (Kassym-Jomart Tokaev) ประธานาธิบดีคาซัคสถาน กล่าวผ่านรายการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ว่า ตอนนี้เป็นเรื่องสำคัญที่จะหลีกเลี่ยงความตื่นตระหนกในสังคม และตำหนิเจ้าหน้าที่ที่ล้มเหลวในการตรวจสอบให้แน่ใจว่ามาตรการจำกัดต่างๆ มีประสิทธิภาพ และความประมาทได้นำมาสู่วิกฤติในปัจจุบัน นั่นคือการระบาดระลอก 2 ของไวรัสโควิด-19 และการเกิดขึ้นของโรคปอดบวม ภัยคุกคามจากโควิด-19 ไม่ควรถูกมองว่าเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดาแต่อันตรายกว่านั้นมาก พร้อมกับเรียกร้องให้หยุดการกักตุนยา
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า การพบโรคลึกลับในคาซัคสถานทำให้นึกถึงเหตุการณ์เดียวกันในประเทศจีนเมื่อเดือน ม.ค. 2563 ที่มีการพบโรคลึกลับเช่นกัน ก่อนที่ต่อมาจะรู้ว่าเป็นเชื้อ SARS-CoV-2 หรือโควิด-19 โดยนักการทูตเรียกร้องให้ชาวจีนใช้มาตรการป้องกันแบบเดียวกับไวรัสโควิด-19 ที่เริ่มระบาดในเมืองอู่ฮั่นของจีน ก่อนจะลุกลามจนมีผู้ติดเชื้อถึง 12 ล้านคนทั่วโลก
อาทิ ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น เว้นระยะห่างจากผู้อื่น สวมหน้ากากปิดปาก-จมูก และล้างมืออย่างสม่ำเสมอ ซึ่งคาซัคสถานใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2563 แต่ในวันที่ 11 พ.ค. 2563 ก็มีการยกเลิกข้อจำกัดจำนวนมาก ก่อนที่ ปธน. จะกลับมากำชับให้ใช้มาตรการอย่างเข้มงวดอีกครั้งเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2563 หลังมีการระบาดระลอก 2 ของไวรัสโควิด-19
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี