จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ที่ถือเป็นมหาวิกฤติที่ขยายวงกว้างไปทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันยังคงน่าเป็นห่วงในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศพี่บิ๊กทั้งหลายที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง และได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดอย่างหนักหน่วง ทั้งมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาที่มียอดผู้ติดเชื้อมากกว่า 3 ล้านคน สูงเป็นที่ 1 ของโลก รัสเซีย ที่มียอดผู้ติดเชื้อตามมาเป็นอันดับ 4 หรือ จีนก็เป็นจุดกำเนิดของการแพร่กระจายเชื้อ สหราชอาณาจักร รั้งอันดับ 8 ของจำนวนผู้ติดเชื้อ และเยอรมนี ตามมาอยู่อันดับที่ 16
ประเทศที่กล่าวมาข้างต้นล้วนเป็น 1-5 อันดับประเทศมหาอำนาจที่ถูกจัดขึ้นเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา โดยมี ฝรั่งเศส,ญี่ปุ่น,อิสราเอล,ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นอันดับ 6-10 ตามๆ กันมาซึ่งประเทศเหล่านี้ก็ได้รับพิษจากโควิด-19 ไปอย่างหนักหนาสาหัส บางทีก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า หากมีการจัดอันดับในปี 2020 อันดับเหล่านี้จะมีการพลิกผันไปมากน้อยเพียงใด
สำหรับบุคคลสำคัญระดับโลกที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ในครั้งนี้ อาทิ สมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเปที่ 6 และสมเด็จพระราชินีเลติเซีย แห่งสเปน,
เจ้าชายเฟรเดอริค มกุฎราชกุมารและเจ้าหญิงแมรีมกุฎราชกุมารี แห่งเดนมาร์ก, โซฟี เกรกัวร์ สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของแคนาดา
ในส่วนของผู้นำระดับประเทศ ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่น นายกรัฐมนตรีอังกฤษ “บอริส จอห์นสัน”วัย 55 ปี ที่ได้ออกมายอมรับว่า เขาติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งถือเป็นคนแรก ในบรรดาผู้นำประเทศที่ติดเชื้อไวรัสร้ายตัวนี้ แต่ต่อมา ได้เริ่มกักตัวเองตามมาตรการรักษาตัวต่อไป จนกระทั่งหายดี, ประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนาโร ผู้นำบราซิลวัย 65 ปี ที่เปิดเผยต่อหน้าสื่อมวลชน ว่า ผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวก หลังจากที่เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยตลอด ถึงความละเลยและมองข้ามการรับมือต่อสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ซ้ำยังเคยเปรียบเทียบเชื้อโควิด-19 ว่า ไม่ต่างอะไรกับโรคหวัดทั่วไป
นอกจากนี้ ยังมี ปีเตอร์ ดัตตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในของออสเตรเลีย, โซฟี เกรกอรี ทรูโด วัย 44 ปี ภริยาของ นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา, มาโซเมะห์ เอบเตการ์ รองประธานาธิบดีหญิง และรัฐมนตรีว่าช่วยการกระทรวงกิจการสตรีแห่งอิหร่าน, นายฟาบิโอ วานการ์เตน เลขาธิการฝ่ายสื่อของประธานาธิบดี ฌาอีร์ โบลโซนาโร ของบราซิล, อาลี อัคบาร์ เวลายาตี ที่ปรึกษาอาวุโสของ อยาตอลลาห์อาลี คาเมเนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน
ในส่วนของคนดังที่ติดไวรัสโควิด-19 ก็มีตัวอย่างหลายคน โดยในวงการบันเทิง รายที่น่าตกใจที่สุด ได้แก่ ทอม แฮงค์ส ซูเปอร์สตาร์ฮอลลีวู้ดชื่อดัง และภรรยา
ริต้า วิลสัน
ในวงการกีฬาก็มีหลายคน อาทิ มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมฟุตบอลสโมสรอาร์เซนอล, คัลลัม ฮัดสัน โอดอย นักเตะดาวรุ่งของสโมสรเชลซี, เปาโล ดิบาลา กองหน้าชาวอาร์เจนตินา ของยูเวนตุส
ส่วนในบ้านเรา คือ แมทธิว ดีน พิธีกร-นักแสดงหนุ่มชาวไทย ที่ออกมาเปิดเผยตั้งแต่รู้ตัวในตอนแรก กระทั่งเข้ากักตัวเพื่อรักษาอาการพร้อมกับภรรยา ลิเดีย- ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา จนหายดีแล้วทั้งคู่
อีกเรื่องที่น่าสนใจนั่นก็คือ อันดับประเทศที่มีระบบสุขภาพดีที่สุดในโลก ซึ่ง CEOWORLD นิตยสารด้านธุรกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้จัดอันดับของประเทศที่มีระบบสุขภาพดีที่สุดในโลก ประจำปี 2019 จากทั้งหมด 89 ประเทศ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ อันได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข ประสิทธิภาพของบุคลากรด้านสาธารณสุข ตั้งแต่แพทย์ พยาบาล และบุคลากรอื่นๆ ค่าใช้จ่ายในระบบ การเข้าถึงยาคุณภาพ ความพร้อมของรัฐบาลในการจัดการระบบ ซึ่งคะแนนรวมทั้งหมดจะเต็ม 100 โดย 10 อันดับประเทศที่มีระบบสุขภาพดีที่สุด คือ
อันดับ 1 ไต้หวัน ที่มียอดผู้ติดเชื้อโควิดอยู่ในอันดับที่ 156 โดยมีผู้ติดเชื้อไม่ถึง 500 ราย เสียชีวิต 7 ราย
อันดับ 2 เกาหลีใต้ มียอดผู้ติดเชื้ออยู่ในอันดับที่ 64 ผู้ติดเชื้อ 1.3 หมื่นราย เสียชีวิต 288 ราย
อันดับ 3 ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นชาติมหาอำนาจอันดับที่ 6 โควิดครั้งนี้ มียอดผู้ติดเชื้ออยู่ในอันดับที่ 56ผู้ติดเชื้อ 2 หมื่นราย เสียชีวิต 981 ราย
อันดับ 4 ออสเตรีย ติดเชื้ออันดับที่ 57 ยอดผู้ติดเชื้อ 1.8 หมื่นราย เสียชีวิต 981 ราย เสียชีวิต 706 ราย
อันดับ 5 เดนมาร์ก ติดเชื้ออันดับที่ 66 ยอดผู้ติดเชื้อ 1.2 หมื่นราย เสียชีวิต 609 ราย
อันดับ 6 ไทย ติดเชื้ออันดับที่ 100 ยอดผู้ติดเชื้อ 3 พันราย เสียชีวิต 58 ราย
อันดับ 7 สเปน ยอดติดเชื้อก็อันดับ 7 เช่นกัน อยู่ที่ 3 แสนราย เสียชีวิต 2.8 หมื่นราย
อันดับ 8 ฝรั่งเศส ติดเชื้ออันดับที่ 18 ยอด 1.7 แสนราย เสียชีวิต 2.9 หมื่นราย
อันดับ 9 เบลเยียม ติดเชื้ออันดับ 30 ยอด 6.2 หมื่นราย เสียชีวิต 9 พันกว่าราย
และอันดับ 10 ออสเตรเลีย ติดเชื้ออันดับ 70 ยอด 9 พันกว่าราย เสียชีวิต 106 ราย
โดยอันดับประเทศที่มีระบบสุขภาพดีที่สุดในโลกนี้ เชื่อว่า (อาจจะ) มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปี 2020 แต่ก็เชื่อได้อีกว่า ประเทศไทยของเราน่าจะยังติด 1 ใน 10 เหมือนเดิมอย่างแน่นอน ด้วยระบบการจัดการกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่หลายประเทศชั้นนำ และแม้กระทั่งองค์การอนามัยโลกยัง
ออกมายอมรับ
และนอกจากไทยจะอยู่ในอันดับ 6 ของประเทศที่มีระบบสุขภาพดีที่สุด มหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ สหรัฐอเมริกา และองค์กรความริเริ่มด้านภัยคุกคามนิวเคลียร์ ได้รายงานดัชนีความมั่นคงทางด้านสุขภาพ ปี 2019 พร้อมจัดอันดับประเทศต่างๆ ทั้งหมด 195 ประเทศทั่วโลก พบว่าประเทศไทยอยู่ในอันดับ 6 ของโลก
และเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย มีคะแนนรวม 73.2 คะแนน ทั้งยังได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 13 ประเทศ ที่มีความพร้อมในการรับมือกับโรคระบาดมากที่สุด ในด้านการป้องกันโรค ไทยได้ 75.7 คะแนน (อันดับ 3 ของโลก) ความสามารถในการตรวจจับโรค และรายงานที่รวดเร็ว ได้ 81 คะแนน (อันดับ 15 ของโลก) การตอบโต้และบรรเทาผลกระทบของโรคระบาดอย่างรวดเร็ว ได้ 78.6 คะแนน (อันดับ 5 ของโลก) มีระบบสุขภาพที่เข้มแข็งและมั่นคง ได้70.5 คะแนน (อันดับ 2 ของโลก) มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพของประเทศ มีแผนงบประมาณด้านการป้องกันควบคุมโรค และดำเนินงานตามแนวปฏิบัติสากล ได้ 70.9 คะแนน (อันดับ 12 ของโลก) และความเสี่ยงต่อภัยคุกคามด้านชีวภาพ ได้ 56.4 คะแนน (อันดับ 93 โลก)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี