วันเดียว2.2แสนรายทั่วโลก
ป่วยโควิดทุบสถิติ
ยอดตายวันละ5พันคน
จีนพบไวรัสในกุ้งแช่แข็ง
นำเข้ามาจากเอกวาดอร์
WHOแนะยกเครื่องสธ.
พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019หรือโควิด-19 รายใหม่มากสุดเป็นสถิติกว่า 228,000 คน ยอดเสียชีวิตยังอยู่ที่ 5,000 คนต่อวัน ผู้ติดเชื้อมากที่สุดยังอยู่ในสหรัฐอเมริกา บราซิลและอินเดีย ขณะที่จีนเผยผลการตรวจตัวอย่างกุ้งนำเข้าจากเอกวาดอร์พบเชื้อไวรัสโคโรนา จุดประเด็นขึ้นมาอีกครั้งเรื่องเชื้อที่ทำให้เป็นโรคโควิด-19 สามารถแพร่จากอาหารหรือผลิตภัณฑ์แช่แข็งมาสู่คนได้หรือไม่ ด้านองค์การอนามัยโลกแนะนำว่า จะต้องยกเครื่องระบบสาธารณสุขทั่วโลกให้สามารถควบคุมการแพร่เชื้อได้
องค์การอนามัยโลก(WHO) รายงานตัวเลขผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายวัน เพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 228,102 คน ในช่วง 24 ชั่วโมงจนถึงเที่ยงคืนวันศุกร์ สูงที่สุดเป็นสถิติใหม่ จากเดิมบันทึกได้ในวันที่ 4 กรกฎาคม ซึ่งอยู่ที่ 212,326 คน ส่วนใหญ่ผู้ติดเชื้อสูงที่สุดยังคงมาจากสหรัฐอเมริกา บราซิล อินเดียและแอฟริกาใต้ ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ที่ประมาณ 5,000 คนต่อวัน ขณะที่จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้ อยู่ที่มากกว่า 12.4 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 559,000 คน จากการระบาดตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา
ในส่วนของสหรัฐนั้น มีผู้ติดเชื้อทั่วประเทศรายใหม่เพิ่มอีก 68,000 คนในวันศุกร์ เป็นสถิติสูงต่อเนื่อง 3 วันติดต่อกันแล้ว โดย 8 รัฐของสหรัฐ คือ อะแลสกา จอร์เจีย ไอดาโฮ หลุยเซียนา มอนแทนา โอไฮโอ ยูทาห์ และวิสคอนซิน มีสถิติติดเชื้อสูงสุดในวันเดียว ส่วนในรัฐเท็กซัส อีกหนึ่งรัฐที่มีการระบาดรุนแรง นายเกรก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐฯ เตือนว่าอาจต้องกลับมาใช้มาตรการคุมเข้มครั้งใหม่ หากรัฐเท็กซัสไม่สามารถสกัดกั้นการติดเชื้อที่พุ่งสูงเป็นสถิติ และมีผู้ป่วยถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลจำนวนมาก ด้วยการบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่างทางสังคม
ขณะที่กรมศุลกากรจีนแถลงว่า พบเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ จากทั้งในและนอกบรรจุภัณฑ์ตัวอย่างกุ้งนำเข้าจากโรงงาน 3 แห่งของเอกวาดอร์ และจะระงับการนำเข้าจากโรงงานเหล่านั้น ผลการตรวจไม่ได้หมายความเชื้อสามารถแพร่กระจาย แต่สะท้อนถึงช่องโหว่ในระเบียบความปลอดภัยด้านอาหารของบริษัท ศุลกากรจะเพิ่มการควบคุมต้นกำเนิดอาหารแช่เย็นนำเข้าให้มากขึ้น ด้านผู้ส่งออกกุ้งของเอกวาดอร์กล่าวว่า จีนตรวจพบเชื้อที่ไม่แพร่กระจายที่ด้านในของตู้คอนเทนเนอร์เพียงครั้งเดียว จากทั้งหมด 227,934 ตัวอย่างของตู้ดังกล่าว คิดเป็นร้อยละ 0.0000043 และไม่ยอมให้ข้อมูลเรื่องผลการตรวจ
ส่วนกระทรวงสาธารณสุขอินเดียแจ้งว่า พบผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายใหม่ 27,761 คนเมื่อวันศุกร์ ทำให้ทางการต้องใช้มาตรการปิดเมืองในหลายเมือง โดยที่เมืองออรังคาบัด รัฐมหาราษฏระ ทางตะวันตกของอินเดีย ประกาศเคอร์ฟิว 9 วัน เพื่อควบคุมการระบาด ทำให้กระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ โรงงานผลิตยา และโรงกลั่นเบียร์ เพราะคนงานไม่สามารถออกไปทำงานได้ตามปกติ ขณะที่รัฐอุตตระประเทศ ทางตอนเหนือของอินเดียจะปิดเมือง 2 วันตั้งแต่วันศุกร์ หลังจากยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 เกิน 32,000 คนแล้ว
ด้านทางการกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ประกาศแผนการให้เงินอุดหนุนบรรดาธุรกิจกลางคืน ทั้งโฮสต์คลับและโฮสเตสคลับ ที่อาจต้องปิดร้านเพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รอบใหม่ โดยจะให้เงินจำนวน 500,000 เยน (เกือบ 150,000 บาท) กับบรรดาบาร์โฮสต์บาร์โฮสเตส หากต้องมีการปิดร้านนานกว่า 10 วัน ส่วนบรรดาหนุ่มโฮสต์ และสาวโฮสเตส ที่รับแขกเหรื่อ ก็จะได้รับเงินอุดหนุนจากทางรัฐบาลคนละ 100,000 เยน (ราว 30,000 บาท) ในกรณีที่ต้องหยุดงานชั่วคราว
ขณะที่นายยาสุโตชิ นิชิมูระ รัฐมนตรีเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะทำงานในการรับมือการระบาดของโรคโควิด-19 ในญี่ปุ่น เรียกร้องให้บรรดาโฮสต์คลับและโฮสเตสคลับเร่งดำเนินการตามข้อปฏิบัติในการระงับการแพร่กระจายของโรค หลังจากย่านสถานบันเทิงยามค่ำคืน ได้กลายเป็นศูนย์กลางของการแพร่เชื้อ ในกรุงโตเกียววานนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 224 คน ทั้งนี้ กรุงโตเกียวพบการติดเชื้อแบบกลุ่ม กลุ่มแรกในหมู่โฮสต์คลับ ที่ซึ่งชายหนุ่มจะแต่งตัวโก้นั่งดื่มให้ความบันเทิงให้กับลูกค้าหญิง ขณะที่ตามโฮสเตสคลับ หรือคาบาเรต์คลับจะกลับกันคือจะมีหญิงสาว นั่งดื่มให้ความบันเทิงให้กับลูกค้าชาย
ขณะเดียวกัน คณะล่วงหน้าขององค์การอนามัยโลก ประกอบด้วยผู้ชำนาญพิเศษด้านระบาดวิทยา 1 คนและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสัตว์ อีก 1 คน ออกเดินทางจากนครเจนีวา ของสวิตเซอร์แลนด์มุ่งหน้าไปยังประเทศจีนแล้ว เพื่อสอบสวนหาที่มาของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกโดยเชื่อกันว่า ไวรัสนี้มีต้นกำเนิดมาจากตลาดค้าส่งในเมืองอู่ฮั่นในภาคกลางของจีนเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งเมื่อเดินทางถึงประเทศจีน จะทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ของจีน เพื่อกำหนดขอบเขตและกำหนดการในการสอบสวน นอกจากนั้น จะมีการหารือกันในประเด็นต่าง ๆ รวมถึงองค์ประกอบของเจ้าหน้าที่เต็มคณะที่จะเดินทางมาหลังจากนี้ และจำเป็นต้องใช้เจ้าหน้าที่ที่มีทักษะในด้านใดบ้าง
ด้าน นพ.ไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารโครงการเหตุฉุกเฉินสาธารณสุขขององค์การอนามัยโลกกล่าวในการสัมมนาทางไกลที่จัดขึ้นโดยสมาคมเอดส์สากลว่า ผู้นำโลกที่กำลังรับมือกับโรคโควิด-19 แพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้จะต้องศึกษาจากคู่มือการรับมือกับโรคเอดส์และและเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) และจะต้องสร้างหลักประกันว่าการเข้าถึงระบบสาธารณสุขมีความเท่าเทียมและอ้างอิงตามหลักฐาน เพราะโรคโควิด-19 ที่ยังแพร่ระบาดไม่ถึงจุดสูงสุดในหลายพื้นที่เผยให้เห็นถึงข้อบกพร่องและเรื่องที่คนหลายล้านคนไม่สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขจำเป็นที่เชื่อถือได้และสามารถจ่ายได้
นพ.ไรอันกล่าวว่า เชื้อเอชไอวีทำให้คนเสียชีวิตในช่วงที่เริ่มปรากฏในต้นคริสต์ทศวรรษหลังปี 1980 แต่ขณะนี้สามารถจัดการได้ด้วยยาต้านไวรัส แม้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันหรือยารักษา ขณะที่เชื้อไวรัสโคโรนาที่ทำให้เป็นโรคโควิด-19 ผู้ป่วยสามารถหายเองได้และหวังว่าจะมีวัคซีนในที่สุด ไวรัสทั้งสองสายพันธุ์นี้แตกต่างกันในแง่ลักษณะและการติดเชื้อ แต่ก็เหมือนกันในแง่ความไม่เท่าเทียม ความไม่เป็นธรรม และการถูกปฏิเสธที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วย
สำหรับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก นับถึงช่วงเย็นวันที่ 11 กรกฎาคม 2563 ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 12,651,645 ราย เสียชีวิต 563,484 ราย รักษาหายแล้ว 7,385,709 ราย สหรัฐ ติดเชื้อ 3,292,257 ราย เสียชีวิต 136,682 ราย บราซิล ติดเชื้อ 1,804,338 ราย เสียชีวิต 70,542 ราย อินเดีย ติดเชื้อ 823,471 ราย เสียชีวิต 22,152 ราย รัสเซีย ติดเชื้อ 720,547 ราย เสียชีวิต 11,205 ราย เปรู ติดเชื้อ 319,646 ราย เสียชีวิต 11,500 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี