แคลิฟอร์เนียรื้อฟื้นมาตรการล็อกดาวน์ ระงับการให้บริการของร้านอาหาร บาร์ สวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์ และกิจการที่จำเป็นน้อยที่สุด หลังพบการติดเชื้อโควิด-19 กลับมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ฟลอริดาสั่งปิดชายหาด และธุรกิจบางแห่ง ด้านเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกรุงโตเกียว ขอให้ผู้ไปโรงละครกว่า 800 คน เข้าตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หลังพบว่า มีผู้ร่วมแสดงละครแพร่เชื้อให้คนอื่นอย่างน้อย 20 คน ขณะที่
ผอ.องค์การอนามัยโลกระบุ หลายประเทศกำลังเดินผิดทางในการต่อสู้กับไวรัสมรณะ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมว่า นายกาวิน นิวซอม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีประชากรมากที่สุดในสหรัฐ แถลงเกี่ยวกับสถานการณ์ของโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 ในพื้นที่ ว่ามีการยืนยันผู้ติดเชื้อในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาอีก 8,358 คน เพิ่มจำนวนผู้ป่วยสะสมเป็นอย่างน้อย 329,162 คน และเสียชีวิตแล้ว 7,040 คน เพิ่มขึ้น 23 คน สถิติดังกล่าวบ่งชี้ว่าเชื้อโรคยังคงวนเวียนอยู่ใกล้ตัว โดยจะเป็นที่น่าไว้วางใจต่อเมื่อมีวัคซีนป้องกันหรือวิธีการรักษาซึ่งมีประสิทธิภาพเท่านั้น เพื่อควบคุมความเสี่ยงของการติดเชื้อให้ได้มากที่สุด กิจกรรมในร่มทุกประเภทภายในร้านอาหาร บาร์ สวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์ และกิจการจำเป็นน้อยที่สุด ในทั้ง 58 เขต ให้ระงับบริการทันที แต่ใน 30 เขตซึ่งมีอัตราการพบผู้ป่วยมากที่สุด ให้เพิ่มการปิดศาสนสถาน ฟิตเนส และร้านทำผมด้วย
2เขตใหญ่ให้เรียนออนไลน์เท่านั้น
ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ยังได้กระตุ้นประชาชนให้ความร่วมมือกับแนวทางปฏิบัติของภาครัฐให้มากกว่านี้ ทั้งการรักษาระยะห่าง และการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเมื่ออยู่ในสถานที่สาธารณะ ทั้งนี้ แคลิฟอร์เนียเป็นรัฐแรกของสหรัฐที่ประกาศมาตรการล็อกดาวน์ เมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จากนั้นได้มีการผ่อนคลาย 2 ครั้ง ในเดือนพฤษภาคม และเดือนมิถุนายน
ขณะเดียวกัน สำนักงานศึกษาธิการเขตลอสแอนเจลิสและซานดิเอโก ซึ่งเป็น 2 เขตใหญ่ที่สุดของรัฐแคลิฟอร์เนีย มีนักเรียนรวมกันประมาณ 706,000 คน และบุคลากรอีก 88,000 คน ออกแถลงการณ์ร่วมกัน เรื่องการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์เท่านั้นในการภาคการศึกษาฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึงนี้
ฟลอริดาปิดหาด-ธุรกิจบางส่วน
ส่วนที่รัฐฟลอริดาซึ่งมีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงเช่นกัน ทำให้ทางการต้องสั่งปิดชายหาดและธุรกิจบางส่วนเพื่อควบคุมโรค หากรัฐฟลอริดาเป็นประเทศก็จะเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับ 4 ของโลกรองจากสหรัฐ บราซิลและอินเดีย โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อมากเป็นประวัติการณ์กว่า 15,000 คน แต่รัฐบาลท้องถิ่นไม่มีการออกคำสั่งให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย
อังกฤษงัดมาตรการบังคับสวมแมส
ทางด้านรัฐบาลอังกฤษ เตรียมออกมาตรการให้ผู้ที่มาจับจ่ายซื้อของตามร้านค้าทั่วประเทศต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย ไม่เช่นนั้นอาจถูกปรับถึง 100 ยูโร หรือราว 3,500 บาท โดยจะให้มีผลบังคับใช้ในวันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม ก่อนหน้านี้ อังกฤษ ได้สั่งให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัย เฉพาะในระบบขนส่งสาธารณะ แต่ประเทศยุโรปส่วนใหญ่ รวมทั้งเยอรมนี สเปน อิตาลี และกรีซ ได้ออกมาตรการให้ผู้คนสวมใส่หน้ากากอนามัยในสถานที่ปิดไปบ้างแล้ว ขณะที่ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ก็เพิ่งจะสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วเป็นครั้งแรก ก่อนที่จะออกมาเรียกร้องให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัยในร้านค้าต่างๆ โดยขณะนี้อังกฤษมีผู้ป่วยโควิด-19 เกือบ 300,000 คน และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 44,000 คน
ฮ่องกงยกระดับควบคุมทางสังคม
ที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ประเทศจีน สำนักงานเลขาธิการคณะผู้บริหารฮ่องกงเผยแพร่แถลงการณ์ว่า นับตั้งแต่เที่ยงคืนเข้าสู่วันพุธที่ 15 กรกฎาคมนี้ตามเวลาท้องถิ่น การยกระดับมาตรการควบคุมทางสังคม เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มีผลบังคับใช้ จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ มาตรการหลักคือการที่ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเมื่ออยู่นอกเคหสถาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ ผู้ใดฝ่าฝืนอาจต้องชำระค่าปรับสูงสุด 5,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (หผราว 20,290.26 บาท) ขณะที่ร้านอาหารจะยุติการให้บริการรับประทานภายในร้าน โดยเปลี่ยนเป็นการจำหน่ายอาหารแบบซื้อกลับบ้านเท่านั้น ระหว่างเวลา 18.00 ถึง 05.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ด้านการรวมกลุ่มในสถานที่สาธารณะจำกัดที่ไม่เกิน 4 คน จากเดิมคือสูงสุด 50 คน
ปิดสถานประกอบการ12ประเภท
นอกจากนี้ รัฐบาลยังประกาศการปิดสถานประกอบการ 12 ประเภท เป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ รวมถึงห้องคาราโอเกะ บาร์ ฟิตเนสและสวนสนุก หมายความว่า สวนสนุกฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ซึ่งเพิ่งกลับมาเปิดบริการอย่างเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา หลังปิดไปนานกว่า 4 เดือน ต้องระงับให้บริการเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ แม้ดิสนีย์แลนด์รีสอร์ทยังคงเปิดให้บริการต่อได้ในช่วงนี้่ แต่จะเป็นไปอย่างจำกัดและอาจมีเงื่อนไขด้านสาธารณสุขมากขึ้น
โตเกียวติดตามผู้ชมละคร800คน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทางการกรุงโตเกียวแจ้งว่า กำลังสอบสวนโรคที่โรงละครแห่งหนึ่งในย่านชินจูกุ หลังจากพบผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อนครั้งใหม่ โดยโรงละครดังกล่าว เป็นโรงละครขนาด 190 ที่นั่งที่แสดงละครเรื่องมนุษย์หมาป่า (Werewolf) เป็นเวลา 6 วันเมื่อต้นเดือนนี้ และมีสมาชิกวงบอยแบนด์วงหนึ่งร่วมแสดง ทางการทราบมาว่า สมาชิกคนหนึ่งติดเชื้อเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม หลังจากนั้นพบผู้ติดเชื้ออีกอย่างน้อย 20 คนจนถึงวันจันทร์ จึงขอให้ผู้ไปชมละครเรื่องนี้ไปตรวจหาเชื้อ ด้านบริษัทผู้สร้างละครแถลงในเว็บไซต์ว่า ได้รับแจ้งว่าผู้ชมทั้ง 800 คนเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง หลังจากพบผู้ชมจำนวนหนึ่งติดเชื้อ ขอให้ผู้ชมทั้งหมดไปพบแพทย์
อนามัยโลกเตือนหลายปท.เดินผิดทาง
นายทีโดรส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก(WHO) กล่าวตำหนิผู้นำหลายประเทศที่สร้างความเข้าใจผิดๆ แก่ประชาชนทำให้เกิดความสับสนเกี่ยวกับโรคโควิดพร้อมเตือนว่าหลายประเทศกำลังเดินไปผิดทิศผิดทางในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิดและหากรัฐบาลของแต่ละประเทศยังไม่มียุทธศาสตร์ในการรับมืออย่างครอบคลุม สถานการณ์แพร่ระบาดก็จะยิ่งเลวร้ายมากขึ้น ซึ่งในอนาคตผู้คนจะไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามแบบวิถีเก่าได้อีก แม้ว่าวัคซีนป้องกันโรคจะเป็นความหวังสำคัญ แต่ในระหว่างนี้ก็จำเป็นต้องอาศัยกลไกที่มีอยู่ในการควบคุมโรคและรักษาชีวิตประชาชนเอาไว้
ทั่วโลกป่วย13ล้านเสียชีวิต5.7แสน
ส่วนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก นับถึงช่วงเย็นวันที่ 14 กรกฎาคม 2563 ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 13,265,294 ราย เสียชีวิต 576,246 ราย รักษาหายแล้ว 7,731,164 ราย สหรัฐ ติดเชื้อ 3,479,650 ราย เสียชีวิต 138,247 ราย บราซิล ติดเชื้อ 1,887,959 ราย เสียชีวิต 72,921 ราย อินเดีย ติดเชื้อ 911,606 ราย เสียชีวิต 23,779 ราย รัสเซีย ติดเชื้อ 739,947 ราย เสียชีวิต 11,641 ราย เปรู ติดเชื้อ 330,123 ราย เสียชีวิต 12,054 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี