ทางการจีนปิดสถานกงสุลสหรัฐในเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐปิดสถานกงสุลจีนในเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส โดยตำรวจจีนเข้าควบคุมพื้นที่ตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้
กระทรวงต่างประเทศจีนประกาศปิดพื้นที่สถานกงสุลสหรัฐในเมืองเฉิงตู เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐสั่งปิดสถานกงสุลจีนในเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส ด้วยข้ออ้างที่ว่า จีนสอดแนมข้อมูลของสหรัฐ จากนั้นจีนจึงสั่งปิดสถานกงสุลสหรัฐตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม และให้เวลาเจ้าหน้าที่ของสหรัฐ 72 ชั่วโมง ในการ เก็บของออกจากสถานกงสุล หนังสือพิมพ์ของทางการจีนได้ระบุว่าเส้นตายของการปิดสถานกงสุลใหญ่สหรัฐในเฉิงตูคือเวลา 10.00 น. ของวันที่ 27 กรกฎาคม ขณะที่เมื่อวันอาทิตย์ เจ้าหน้าที่ของสถานกงสุลใหญ่สหรัฐในเมืองเฉิงตูได้พยายามเคลียร์สถานที่และขนย้ายข้าวของภายในอาคาร ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างหนาแน่นด้านนอก
โดยช่วงเช้าตรู่วานนี้ (27 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ของสถานกงสุลได้นำธงชาติสหรัฐลงจากยอดเสา และในเวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจีนได้เข้าไปยังบริเวณสถานกงสุลผ่านทางประตูด้านหน้าเพื่อเข้าไปสำรวจตัวอาคาร จากนั้นในเวลาเที่ยงวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ รื้อถอนเครื่องกีดขวางบริเวณถนนรอบๆ สถานกงสุล ที่ตั้งขึ้นเพื่อรักษาความปลอดภัยออกทั้งหมด ทำให้ประชาชนทั่วไปสัญจรไปมาได้ และมีชาวจีนจำนวนไม่น้อยที่ไปถ่ายภาพบริเวณหน้าสถานกงสุลสหรัฐเพื่อเป็นที่ระลึก ขณะที่สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของจีน ได้นำเสนอข่าวนี้ทุกช่องทาง รวมทั้ง Weibo ที่เปรียบเสมือนทวิตเตอร์ของชาวจีน โดยมุ่งเน้นว่า ธงชาติสหรัฐไม่ได้โบกสะบัดเหนือสถานกงสุลแห่งนี้แล้ว
ส่วนสถานทูตสหรัฐประจำกรุงปักกิ่ง ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอบนทวิตเตอร์เพื่อแสดงความผิดหวังที่จีนสั่งปิดสถานกงสุลแห่งนี้ พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า สถานกงสุลเมืองเฉิงตู ที่เปิดทำการตั้งแต่ปี 2528 มีส่วนในการประสานงานด้านความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนในมณฑลเสฉวน เทศบาลโฉงชิ่ง มณฑลกุ้ยโจว ยูนนาน และทิเบต
สำหรับสถานกงสุลสหรัฐในเมืองเฉิงตูมีเจ้าหน้าที่ราว 200 คน ซึ่งเป็นคนในท้องถิ่นราว 150 คน ชาวเมืองเฉิงตูต่างเห็นพ้องที่รัฐบาลจีนตอบโต้สหรัฐด้วยวิธีนี้ เพราะสหรัฐเป็นผู้เริ่มต้นก่อน ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกามีสถานกงสุลในจีน 5 แห่ง นอกจากเมืองเฉิงตูแล้ว ยังมีที่นครเซี่ยงไฮ้ กวางโจว เซิ่นหยาง และอู่ฮั่น รวมถึงฮ่องกง แต่สถานกงสุลในเมืองเฉิงตู ถือว่ามีความสำคัญในเชิงการทูตมากที่สุด เพราะทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ในซินเจียงและทิเบต ซึ่งนานาชาติเชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรงโดยรัฐบาลจีน
การปิดสถานกงสุล เพื่อตอบโต้กันไปมา แสดงให้เห็นความร้าวลึกระหว่าง จีนกับสหรัฐ ทั้งเรื่องสงครามการค้า และข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาคมโลก เนื่องจากทั้ง 2 มหาอำนาจมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี