เมียนมาล็อกดาวน์
ปิดรร.ทั่วประเทศไม่มีกำหนด
คุมเข้มแรงงานเข้าออกชายแดน
อินเดียวันเดียวติดเชื้อเฉียด8หมื่น
รัสเซียเตรียมรับรองวัคซีนตัวที่2
ไทยป่วย1รายมาจากต่างประเทศ
ศูนย์โควิด-19 ระบุไทยป่วยเพิ่ม 1 ราย มาจากอินเดีย สธ.เร่งสอบหาสาเหตุหนุ่มไทยกลับจากอิสราเอล กระโดดตึกเสียชีวิตใน State Quarantine โรงแรมย่านหาดจอมเทียน พัทยา หลังมาถึงไทยแล้วเข้าพักเพียง 1 วัน ส่งทีมสุขภาพจิตดูแลครอบครัว พร้อมแจงขั้นตอนดูแลคนที่กลับจากตปท.ต้องเข้าพักในที่กักตัวรัฐ ตั้งแต่บนเครื่องบินยันเข้าที่พัก ประเมินความเสี่ยงเป็นระยะ นายกฯแสดงความเสียใจ-ห่วงใย สั่งอำนวยความสะดวก
เคลื่อนย้ายศพกลับภูมิลำเนา ศบค.หนักใจเปิดปท.รับนักท่องเที่ยว เล็ง 2 กลุ่มต่างชาติเปิดให้เข้าไทยก่อน เข้มปท.เสี่ยงสูง ด้านเมียนมาเอาไม่อยู่โควิดระบาดหนักล็อคดาวน์รัฐยะไข่ สั่งปิดรร.ทั่วปท.ไม่มีกำหนด ขยายเวลาห้ามบินไปถึง 30 กย.
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ศูนย์ข้อมูล COVID-19 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 หรือ โควิด-19 ในประเทศไทยประจำวันว่า ไทยพบผู้ป่วยใหม่ 1 ราย เป็นผู้เดินทางจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันโรค(Quarantine) ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,404 ราย ติดเชื้อในประเทศ 2,444 ราย และอยู่ในสถานกักกันโรคของรัฐ(State Quarantine) 467 ราย รักษาหายป่วยแล้ว 3,237 ราย ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล(รพ.) 109 ราย เสียชีวิตสะสม 58 ราย
ไทยติดเชื้อเพิ่ม1สัญชาติอินเดีย
ทั้งนี้ ผู้ป่วยล่าสุด 1 รายนั้น เดินทางมาจากอินเดียเป็นชาย สัญชาติอินเดีย อายุ 35 ปี เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม เดินทางถึงประเทศไทย เข้าพักในสถานกักกันโรคทางเลือก (Alternative State Quarantine) ในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม และตรวจพบเชื้อ
ทั่วโลกป่วยกว่า24ล.-ตาย8.3แสน
ทั้งนี้ สถานการณ์ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทั่วโลกจำนวน 213 ประเทศ ในรอบ 24 ชั่วโมง จนถึงเวลา 17.30 น.วันเดียวกัน มีผู้ติดเชื้อสะสม 24,363,242 ราย รักษาหายแล้ว 16,895,616 ราย เสียชีวิต 830,352 ราย โดยอันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดคือ สหรัฐฯ 6,001,103 ราย เสียชีวิตรวม 183,677 ราย อันดับ 2.บราซิล 3,722,004 ราย เสียชีวิต 117,756 ราย อันดับ 3.อินเดีย ป่วยจำนวน 3,314,953 ราย เสียชีวิต 60,652 ราย อันดับ 4.รัสเซีย ติดเชื้อสะสม 975,576 ราย เสียชีวิตสะสม16,804 ราย และอันดับ 5.แอฟริกาใต้ ติดเชื้อรวม 615,701 ราย เสียชีวิตรวม 13,502 ราย ทั้งนี้ ประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 120
เร่งสอบหนุ่มไทยโดดตึกดับ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุ นายพล พรมงาม อายุ 39 ปี หนุ่มไทยที่กลับจากอิสราเอล และเข้ากักตัวในสถานที่กักตัวรัฐ ที่โรงแรมจอมเทียน ปาล์ม บีช โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท ถนนหาดจอมเทียน เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ก่อเหตุ กระโดดระเบียงโรงแรมตกลงมาเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา ระหว่างเข้าพักกักตัวสังเกตอาการ เพื่อเฝ้าระวังโรคโควิด-19 เป็นเวลา 14 วัน สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายพลนั้น มีภูมิลำเนาเป็นชาวตำบลบ้านยาง อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ เพิ่งเดินทางกลับจากการประกอบอาชีพแรงงานที่อิสราเอล โดยสายการบินอิสแรร์ แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ 6H691 จากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 25 สิงหาคม จากนั้นวันเดียวกันเดินทางพร้อมคณะ 168 คน เข้าพักใน State Quarantine จังหวัดชลบุรี โดยนายพล ได้เข้าพักที่ห้อง 1274 โรงแรมดังกล่าว ก่อนตัดสินใจกระโดดลงมาจากโรงแรม เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่นำร่างผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาลบางละมุง และอยู่ระหว่างรอพิสูจน์สาเหตุเสียชีวิตจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา
ในเรื่องนี้ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุขกล่าวว่า ตนขอแสดงความเสียใจกับกรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งเรื่องนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างพิสูจน์สาเหตุ ที่ผ่านมาการดูแลผู้ที่ต้องกักตัวจะมีระบบดูแล ทั้งร่างกาย และสุขภาพจิตอยู่ด้วย
มีทีมดูแลสุขภาพจิตตั้งแต่บนเครื่อง
ด้านนพ.สมัย ศิริทองถาวร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า เรื่องนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบสวนหาสาเหตุ และมีทีมสุขภาพจิตคอยดูแลผู้ต้องแยกกักในสถานที่เดียวกัน และประสานทีมจิตแพทย์ในพื้นที่บ้านเกิดของชายไทยรายดังกล่าว เพื่อไปให้การดูแลและเยียวยาสภาพจิตใจของญาติผู้เสียชีวิตด้วย ทั้งนี้ ที่ผ่านมา เรามีระบบดูแลผู้ต้องถูกกักตัวทั้งด้านร่างกาย และสุขภาพจิต ซึ่งในส่วนการดูแลสุขภาพจิตนั้น มีระบบคัดกรองตั้งแต่อยู่บนเครื่องบิน โดยจะประเมินความเครียด ความวิตกกังวล ภาวะเสี่ยงซึมเศร้า และความเสี่ยงฆ่าตัวตาย เพื่อจะได้รับการดูแลที่เหมาะสมต่อไป ถ้าเป็นคนที่มีภาวะเสี่ยงจะเข้าไปดูแลทันทีตั้งแต่มาถึงเมืองไทย ส่วนคนที่ไม่มีภาวะเสี่ยงอะไรเลยนั้น ทีมจิตแพทย์จะไม่ได้เข้าไปดูแลในวันแรกๆ รอให้คนเหล่านี้ทำภารกิจส่วนตัวให้เรียบร้อย จากนั้นจึงระดมทีมสุขภาพจิตไปประเมินให้ครบวันที่ 2 และ วันที่ 3 ที่เข้าพัก พร้อมให้คำแนะนำในการปฏิบัติ เพื่อลดความเครียด ความกังวล
เผยหนุ่มโดดตึกไม่มีปัญหาสุขภาพจิต
นพ.สมัยกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีเอกสารคำแนะว่า แต่ละวันควรทำอะไรบ้าง ขณะเดียวกันระหว่างต้องกักตัวจะพูดคุยให้คำปรึกษาทั้งผ่านไลน์ คิวอาร์โค้ด ผ่านโทรศัพท์ หากพบว่าใครมีปัญหาสุขภาพจิตจะเข้าไปดูแล หรือหากมีอาการรุนแรงจะส่งไปรักษาที่รพ.ที่จับคู่ไว้ อย่างไรก็ตาม ระหว่างอยู่ในสถานที่แยกกัก หากรู้สึกเครียดหรือกังวลสามารถปรึกษาทีมสุขภาพจิตที่ประจำอยู่ หรือโทร. 1323 ได้ ซึ่งที่ผ่านมาเราก็พบว่าคนที่มีปัญหาสุขภาพกาย ต้องดูแลค่อนข้างมาก หรือที่เกี่ยวกับโรคทางจิตเวชก็จะมีบางคนที่มีอาการเสพติดเหล้า ซึ่งในสถานที่แยกกักนั้นเราไม่อนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้คนเหล่านี้มีปัญหาลงแดง ต้องเข้าไปดูแลเป็นพิเศษ
“ในรายนี้จากที่ประเมินบนเครื่องบินไม่พบปัญหาอะไร อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับว่า ประชาชนส่วนหนึ่งที่กลับเข้ามานั้นไม่ยอมบอกข้อมูลอะไรในช่วงที่คัดกรองตั้งแต่ที่อยู่บนสนามบิน แต่ก็ไม่ได้รับรายงานว่ามีการโกหก หรือให้ข้อมูลเท็จ ดังนั้น ถ้าญาติรู้ว่าจะมีญาติกลับจากต่างประเทศแล้ว มีสภาวะปัญหาสุขภาพกาย สุขภาพจิต สามารถแจ้งเข้ามาเพื่อให้ทราบ จะได้ดูแลได้เหมาะสมอีกทาง” นพ.สมัยกล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ที่ช่วงแรกคนที่กลับมาจากต่างประเทศไม่ยอมบอกข้อมูล เพราะกังวลจะถูกตีตรา ซึ่งเกิดขึ้นจริงและกระทบถึงญาติ ถูกรังเกียจ แต่ช่วงหลังลดลงมากแล้ว ซึ่งตนก็ยืนยันอีกครั้งว่าคนที่ต้องกักตัวนั้น ไม่ใช่ทุกคนจะติดเชื้อ ที่ผ่านมาก็มีน้อยมาก สิ่งสำคัญ เมื่อกักตัวครบ 14 วัน แล้ว พ้นระยะฟักตัวของโรคแล้ว เพื่อกลับเข้าสู่ชุมชนก็จะไม่แพร่เชื้อฯ ต่อ
นายกฯเสียใจสั่งดูแลครอบครัว
ขณะที่พลโทคงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แสดงความห่วงใยและเสียใจกับครอบครัวของนาย พล พรมงาม อายุ 39 ปี ที่เสียชีวิต ระหว่างการพักกักตัวควบคุมโรค ที่สถานที่กักกันโรคแห่งรัฐ ( State Quarantine ) โรงแรมจอมเทียนปาล์มบีช พัทยา จ.ชลบุรี พร้อมกำชับส่วนราชการในพื้นที่ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายและมาตรการควบคุมโรคที่กำหนด และให้การสนับสนุนอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายกลับภูมิลำเนา เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาตามความประสงค์ของญาติให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
รอสรุปผลชี้พฤติการณ์ไม่ปกติ
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 กล่าวถึงกรณีชายกระโดดตึกระหว่างกักตัวในสถานกักกันโรครัฐว่า อยู่ระหว่างสอบสวนสาเหตุ แต่หากพิจารณาจากรูปการ ผู้เสียชีวิตมีความไม่ปกติ สังเกตจากพฤติการณ์ที่เขาเดินออกมานอกห้อง หลายรอบ แต่ขอให้รอผลสอบสวนก่อน อย่างไรก็ตาม ก่อนเข้ากักตัว เราจะได้รับข้อมูลส่วนบุคคล ถึงประวัติการป่วย แต่บางครั้งอาจมีเล็ดลอดไปบ้าง พร้อมย้ำว่า เรามีทีมการบริหารจัดการดูแลผู้ที่เข้ามากักตัวทุกขั้นตอน
เล็งเปิดรับ2กลุ่มต่างชาติเข้าปท.
ส่วนความพร้อมของศบค.ในการรับรองรับนักท่องเที่ยวหลังเตรียมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวนั้น พล.อ.ณัฐพลยอมรับว่าหนักใจ เพราะจากการลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต และสุราษฎร์ธานี ในเรื่องเศรษฐกิจน่าเป็นห่วง ศบค.ก็ต้องกับมาทบทวน และหามาตรการให้รอบคอบ เป้าหมายแรกจะให้คนต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยระยะยาว และกลุ่มที่มีบ้านอยู่ในประเทศไทย เพราะมีกำลังซื้อสูง จะให้กลับเข้ามายังประเทศไทยก่อน แต่ก็ต้องกักตัว 14 วัน ซึ่งพวกเขาก็ยอมรับมาตรการของไทย มีจำนวนหลักร้อยคน และจะประเมินผลทุกขั้นตอน แต่ทั้งนี้ในประเทศที่เสี่ยงสูง เราต้องใช้ความละเอียดรอบคอบในการพิจารณามาก
เมียนมาล็อคดาวน์ยะไข่-สั่งปิดรร.
อีกด้านหนึ่งสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกยังน่าเป็นห่วง ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานจากชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจ.ตากว่า รัฐบาลเมียนมาสั่งปิดโรงเรียนทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม เป็นต้นไปโดยไม่มีกำหนด หลังพบผู้ป่วยด้วยไวรัสโควิด-19 นับ 100 ราย ในรัฐยะไข่ ขณะเดียวกัน รัฐบาลเมียนมามีคำสั่งล็อกดาวน์ 4 อำเภอใหญ่ในรัฐยะไข่คือ อ.เจ่าผิ่ว อ.ต่องโก๊ก อ.ส่ายตอย และอ.อาน จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
เข้มแรงงานเข้าออก-หยุดบินเข้า
นอกจากนี้ รัฐบาลเมียนมายังประกาศให้ชาวเมียนมาทุกคนสวมหน้ากากอนามัย หากไม่ปฏิบัติตามจะดำเนินคดีตามกฏหมาย อย่างไรก็ตาม เมียนมายังเปิดสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 บ้านวังตะเคียนใต้ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอดตามปกติ แต่เปิดให้รถยนต์นำสินค้าเข้าออกได้ และมีคนขับรถยนต์ และผู้ติดตามได้ไม่เกิน 1 คนรวม 2 คน ล่าสุด รัฐบาลเมียนมาสั่งให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้มงวดทั่วประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานเมียนมาที่เข้า-ออกนอกประเทศ และตามแนวชายแดนไทย พม่า พม่าบังคลาเทศ พม่าอินเดีย พม่าจีน และแรงงานที่กลับจากประเทศมาเลเซีย และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งชาติของเมียนมาขยายระยะเวลาระงับให้บริการเที่ยวบินพาณิชย์ระหว่างประเทศทั้งขาเข้าและขาออก จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 สิงหาคม ให้มีผลต่อถึงวันที่ 30 กันยายนเป็นอย่างน้อย
อินเดียติดวันเดียวเกือบ8หมื่นคน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดของอินเดีย ถือเป็นศูนย์กลางการระบาดรุนแรงในภูมิภาคเอเชียว่า มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 75,995 คน จำนวนผู้ติดเชื้อในอินเดียยังพุ่งสูงขึ้นทำสถิติใหม่ที่ 3,307,749 คน เช่นเดียวกับจำนวนผู้เสียชีวิตที่เพิ่มสูงขึ้นเกินหลัก 6 หมื่นที่ 60,229 คน หลังมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 1,017 คนใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
รัสเซียเตรียมรับรองวัคซีนตัวที่2
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวการวิจัยวัคซีนรักษาไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ของรัสเซียว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ตัวที่ 2 ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยสถาบันไวรัสวิทยาในไซบีเรีย จะได้รับการรับรองปลายเดือนกันยายนหรือต้นเดือนตุลาคมนี้ หลังผ่านการทดสอบทางคลินิกขั้นต้น ขณะเดียวกันกองทุนการลงทุนทางตรงรัสเซีย เปิดเผยความคืบหน้าการทดสอบระยะ 3 ของวัคซีนสปุตนิก วัคซีนตัวแรกที่ได้รับรองเริ่มต้นขึ้นในรัสเซียและอีก 5 ประเทศ พร้อมเปิดให้อาสาสมัครกว่า 40,000 คน เข้าร่วมการทดสอบทั้งนี้ การทดสอบวัคซีนขนาดใหญ่เกิดขึ้นหลังนานาชาติตั้งคำถามถึงความปลอดภัย เนื่องจากวัคซีนตัวดังกล่าวถูกนำมาทดสอบกับมนุษย์ไม่ถึง 2 เดือน ก่อนรัฐบาลรัสเซียจะรับรองเมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมาโดยนายกเทศมนตรีกรุงมอสโกเผยว่า ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงสามารถเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครในการทดสอบความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกัน COVID-19 ได้เช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี