เมียนมาปิดรร.ทั่วประเทศ
รับมือวิกฤติ‘โควิด-19’
ยูเอ็นเข้าช่วยรัฐยะไข่
ป่วยทั่วโลกทะลุ26ล้าน
ผลสำรวจชี้ “สหรัฐ-อังกฤษ” รับมือ“โควิด-19” แย่สุด ขณะเดียวกัน ลูกเรือบรรทุกเครื่องบิน “โรนัลด์ เรแกน” ติดเชื้ออีก ส่วนเมียนมายังอาการหนัก สั่งปิดโรงเรียนทั่วประเทศ
เมื่อ5 กันยายน 2563 สำนักข่าวซินหัวรายงาน ผลสำรวจที่เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี ที่) ชี้ว่าสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ได้ไม่ดีนัก
ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่ามีเพียงร้อยละ 46 ของชาวสหราชอาณาจักร และร้อยละ 47 ของชาวอเมริกัน ที่ลงความเห็นว่ารัฐบาลของตนรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ดี ห่างไกลจากเดนมาร์กมากกว่าครึ่ง ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 95 และเป็นเพียง 2 ประเทศที่ประชาชนจำนวนน้อยรู้สึกพึงพอใจกับการทำงานของรัฐบาล
สหรัฐฯ รั้งอันดับสุดท้ายในผลสำรวจครั้งนี้ โดยร้อยละ 18 ของผู้เข้าสำรวจคิดว่าประเทศของตนมีความเป็นปึกแผ่นมากขึ้น หลังเกิดการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19
ขณะที่เยอรมนีและฝรั่งเศสได้คะแนนน้อยที่สุดรองจากสหรัฐฯ ในด้านความรู้สึกเป็นปึกแผ่น โดยมีผู้เข้าสำรวจเห็นว่าประเทศของตนมีความเป็นปึกแผ่นมากกว่าแต่ก่อนเพียงร้อยละ 39 ซึ่งห่างจากตัวเลขของสหรัฐฯ ที่ 21 จุด
สหรัฐฯ รายงานการตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เกือบ 6 ล้านราย และผู้เสียชีวิตมากกว่า 180,000 ราย หรือคิดเป็นเกือบ 1 ใน 4 และมากกว่า 1 ใน 5 ของผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตทั่วโลก ตามลำดับ ทั้งนี้ ผลสำรวจข้างต้นได้มาจากการสัมภาษณ์ผู้ใหญ่ 14,276 คน จาก 14 ประเทศพัฒนาแล้วทางโทรศัพท์โดยศูนย์วิจัยพิว ตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. ถึง 3 ส.ค. ที่ผ่านมา
สำนักข่าวซินยังหัวรายงาน กองทัพเรือสหรัฐฯ ประกาศว่าลูกเรือประจำเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน (USS Ronald Reagan) “จำนวนเล็กน้อย” มีผลตรวจโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เป็นบวก ขณะออกปฏิบัติงานในภูมิภาคแปซิฟิก
“เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2020 กลุ่มลูกเรือจำนวนเล็กน้อยมีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นบวก ขณะอยู่ระหว่างออกปฏิบัติงาน” รีแอนน์ มอมม์เซน โฆษกประจำกองเรือที่ 7 ของสหรัฐฯ กล่าวในแถลงการณ์
มอมม์เซนระบุว่า “อย่างไรก็ดี ขณะนี้ไม่มีลูกเรือที่ป่วยด้วยโรคโควิด-19 อยู่บนเรือยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน” เนื่องจากกลุ่มผู้ป่วยต่างได้รับ “การรักษาพยาบาลอย่างเร่งด่วน” และถูกนำตัวออกจากเรือแล้ว
โฆษกเสริมว่ายังไม่มีผู้ป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล “และขณะนี้กำลังมีการตรวจสอบ เพื่อเสาะหาต้นตอการติดเชื้อ”
เดอะ ฮิลล์ (The Hill) เว็บไซต์ข่าวการเมืองของสหรัฐฯ รายงานว่าเรือบรรทุกเครื่องบินลำดังกล่าวได้เทียบท่าที่เกาะกวมเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ระหว่างวันที่ 22 – 26 ส.ค.
ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่บนเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส ธีโอดอร์ รูสเวลต์ (USS Theodore Roosevelt) ก่อนหน้านี้ส่งผลให้เรือลำข้างต้นต้องหยุดปฏิบัติงานนานหลายเดือน อีกทั้งคร่าชีวิตลูกเรือ 1 ราย และมีลูกเรือล้มป่วยมากกว่า 1,000 ราย
ด้านนักวิทยาศาสตร์รัสเซียรายงานผลการทดลองวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่พัฒนาเอง ยืนยันวัคซีนแสดงสัญญาณการสร้างภูมิคุ้มกัน ด้านสื่อเมียนมาเผยอัตราการติดเชื้อโรคโควิด-19 ในรัฐยะไข่ พุ่งกระฉูดเกือบ 200%ในช่วง 2 สัปดาห์ล่าสุด ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ เตือนประชาชนที่จะออกมาฉลองวันแรงงานของสหรัฐ ให้เคร่งครัดมาตรการป้องกันโควิด-19 ย้ำหากผ่านวันแรงงานไปแล้วสถานการณ์โควิด-19 จะดีขึ้น
นักวิทยาศาสตร์รัสเซียตีพิมพ์รายงานครั้งแรกเกี่ยวกับการทดลองวัคซีนสปุตนิค-วี ที่รัสเซียพัฒนาและผลิตขึ้นเองเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์แลนเซ็ต ระบุว่า การทดลองวัคซีนสปุตนิค-วี 2 ครั้ง มีขึ้นระหว่างเดือนมิ.ย.-ก.ค. 2563 ภายใต้การทดลองแบบเปิดและไม่ใช่การสุ่มทดลอง หมายถึงไม่มีการใช้ยาหลอกและอาสาสมัครรู้ถึงการได้รับวัคซีนสปุตนิค-วี การทดลองแต่ละครั้งมีอาสาสมัครเข้าร่วม 38 คน ได้รับวัคซีนสปุตนิค-วี และวัคซีนกระตุ้นอีก 3 สัปดาห์ต่อมา ผู้เข้าร่วมการทดลองมีอายุระหว่าง 18-60 ปี จากการติดตาม 42 วัน ทุกคนมีการสร้างแอนติบอดีขึ้นมาภายใน 3 สัปดาห์ ส่วนผลข้างเคียงไม่รุนแรงมีแค่ ปวดหัว และ ปวดข้อ แต่จำเป็นต้องมีการทดลองขนาดใหญ่และระยะยาว รวมถึงการเปรียบเทียบยาหลอกและการติดตามเพิ่มเติม เพื่อสร้างความปลอดภัยและประสิทธิผลระยะยาวเพื่อป้องกันการติดโควิด-19 ส่วนการทดลองเฟสที่สามจะมีอาสาสมัคร 40,000 คน จากหลากหลายอายุและกลุ่มความเสี่ยง ขณะนี้มีผู้ได้รับการคัดเลือกแล้ว 3,000 คน
ด้านนายคีริลล์ ดมีตรีเยฟ หัวหน้ากองทุนการลงทุนรัสเซีย ผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนาวัคซีนสปุตนิค-วี เปิดเผยว่า รายงานฉบับนี้เป็นการตอบโต้เป็นอย่างดี ต่อผู้ที่ตั้งข้อสงสัยและวิพากษ์วิจารณ์วัคซีนของรัสเซียอย่างไร้เหตุผล
ทั้งนี้ รัสเซียเป็นประเทศแรกที่ขึ้นทะเบียนวัคซีนเพื่อใช้ในประเทศเมื่อเดือนสิงหาคม โดยวัคซีนสปุตนิค-วีใช้สายพันธุ์ดัดแปลงของ อะดีโนไวรัส ซึ่งมักก่อโรคหวัดเพื่อกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกัน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจากชาติตะวันตกตั้งข้อสังเกตว่า การทดลองยังน้อยเกินกว่าจะพิสูจน์ประสิทธิภาพและความปลอดภัย และกังวลเรื่องรัสเซียทดลองวัคซีนอย่างรวดเร็ว โดยเกรงว่าคณะนักวิจัยรัสเซียอาจเร่งรีบพัฒนาและทดลองเกินไป
ด้านสื่อท้องถิ่นในเมียนมา รายงานว่า อัตราการติดเชื้อโรคโควิด-19 ในรัฐยะไข่พุ่งกระฉูดเกือบ 200% ในช่วง 2 สัปดาห์ล่าสุด จากการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพียง 17 คนเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 495 คนในวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน พบเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานหลายหน่วยในสังกัดของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น และเจ้าหน้าที่ขององค์กรเอกชนระหว่างประเทศ หรือเอ็นจีโอ ที่อยู่ในยะไข่ ติดเชื้อโควิดมากกว่า 10 คน โดยเจ้าหน้าที่เหล่านั้นเป็นคนท้องถิ่น ได้รับเชื้อในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และช่วยป้องกันโควิด-19 ให้แก่ชาวรัฐยะไข่ และชาวโรฮิงญาที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้อพยพโรฮิงญา
ส่วนมาตรการสกัดโควิดล่าสุดในเมียนมา รัฐบาลได้เพิ่มความเข้มข้นของมาตรการ เพิ่มเติมจากมาตรการคุมเข้มการเข้าไปในกรุงเนปิดอว์ โดยสั่งปิดโรงเรียนทั่วประเทศอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง และขยายเวลาห้ามเที่ยวบินระหว่างประเทศเข้าไปในเมียนมาไปจนถึงวันที่ 30 กันยายนนี้ ในขณะที่มาตรการห้ามรวมกลุ่มเกิน 30 คนยังคงใช้อยู่ ส่วนมาตรการเคอร์ฟิวตั้งแต่เทียงคืนถึงตี 4 ยังคงบังคับใช้ในบางพื้นที่ แต่การสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ ไม่ได้บังคับแต่แนะนำให้สวม และบางพื้นที่มีการใช้มาตรการกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากรัฐยะไข่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาด
ล่าสุดในวันเสาร์ เมียนมาพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 45 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 1,216 คน
เย็นวันเดียวกัน สื่อต่างประเทศสรุปตัวเลขสถานการณ์ไวรัสโควิด มีผู้ป่วย ทั่วโลก 26,816,923 ล้านคน เสียชีวิต 878,369 คน รักษาหาย 18,923,698 คน
สหรัฐป่วย 6,389,413 คน เสียชีวิต 192,132 คน บราซิล ป่วย 4,091,801 คน เสียชีวิต 125,584 คน อินเดีย ป่วย 4,207,718 คน เสียชีวิต 69,668 คน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี