เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2563 เว็บไซต์ นสพ.Nikkei Asian Review ของญี่ปุ่น เสนอข่าว India's Royal Enfield to begin making motorcycles in Thailand ระบุว่า  "รอยัล เอ็นฟิลด์ (Royal Enfield)" มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์สัญชาติอินเดียสายพันธุ์อังกฤษ จ่อใช้ไทยเป็นฐานการผลิตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ซึ่งจะเป็นโรงงานในต่างประเทศแห่งที่ 2 ต่อจากอาร์เจนตินา

มอเตอร์ไซศ์ยี่ห้อเก่าแก่นี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาตั้งแต่ยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยก่อตั้งในประเทศอังกฤษเมื่อปี 2444 กระทั่งทศวรรษ 1970s (ปี 2513-2522) บริษัทแม่ในอังกฤษได้ยุติกิจการและบริษัทลูกในอินเดียก็ลดการดำเนินกิจการลง สุดท้ายในปี 2537 Eicher Motors บริษัทยานยนต์สัญชาติอินเดียได้ขอซื้อกิจการ และกลับมาเปิดสายการผลิตอีกครั้งจนปัจจุบัน

โดยในปี 2562 รอยัล เอ็นฟิลด์ ทำยอดขายอยู่ที่ 3,146 คัน  ในประเทศไทย ยอดขายที่เพิ่มขึ้นทำให้บริษัทแม่ในอินเดียเลือกไทยเป็นฐานการผลิตประจำกลุ่มอาเซียน เพื่อขยายตลาดต่อไปยังประเทศใกล้เคียงอย่างอินโดนีเซียและเวียดนาม ทั้งนี้ ไทยเป็นฐานการผลิตยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ประจำภูมิภาคดังกล่าว ในส่วนของมอเตอร์ไซค์นั้นมีตั้งแต่ค่ายดังของญี่ปุ่นอย่างฮอนด้ากับยามาฮ่า ไปจนถึงค่ายใหญ่อเมริกันอย่างฮาร์เลย์-เดวิดสัน

สิทธัตถะ ลาล (Siddhartha Lal) กรรมการผู้จัดการของรอยัล เอ็นฟิลด์ กล่าวว่า บริษัทพุ่งเป้าไปที่ตลาดมอเตอร์ไซค์ขนาดกลาง ตั้งแต่ 250-750CC ในส่วนของโรงงานนั้นเลือกที่ตั้ง ณ จ.ฉะเชิงเทรา หนึ่งในพื้นที่อุตสาหกรรมที่รัฐบาลไทยส่งเสริม ร้อยละ 40 ของชิ้นส่วนจะมาจากการผลิตในท้องถิ่น และอีกร้อยละ 60 นำเข้าจากอินเดีย โดยจะเริ่มเดินเครื่องโรงงานในเดือน เม.ย. 2564

Kasem Kawchari ผู้จัดการฝ่ายการตลาดรอยัล เอ็นฟิลด์ ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปีแรกบริษัท น่าจะผลิตมอเตอร์ไซค์ในประเทศไทยได้ประมาณ 4,500-5,000 คัน ซึ่งเป็นตัวเลขเดียวกับที่จะขาย ตนคิดว่ารอยัล เอ็นฟิลด์ จะได้ฐานลูกค้าในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากจุดแข็งเรื่องราคารถที่เข้าถึงได้ รวมถึงกิจกรรมทางการตลาดที่ออกแบบมาเพื่อลูกค้าชาวไทยโดยเฉพาะ

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า มอเตอร์ไซค์รอยัล เอ็นฟิลด์ รุ่น Interceptor-650 ซึ่งได้รับความนิยม อยู่ที่ 7,000 เหรียญสหรัฐ หรือ 219,000 บาท ต่ำกว่ายี่ห้ออื่นๆ ในรุ่นเดียวกัน ที่ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 8 แสนบาท ทั้งนี้ รอยัล เอ็นฟิลด์ มีโชว์รูม 36 แห่งในประเทศไทย และกำลังจะเปิดเพิ่มอีกหลายประเทศในอาเซียน อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียและมาเลเซีย ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า