ยังคงต้องติดตามกันต่อไปสำหรับการชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาลโดยกลุ่ม “คณะราษฎร2563” ซึ่งดูคล้ายกับการเล่นเกม “แมวจับหนู" ผู้ชุมนุมไม่ต้องการปะทะโดยย้ายจุดวันนี้ที่หนึ่งพรุ่งนี้อีกที่หนึ่ง กลายเป็นอุปสรรคที่ฝ่ายความมั่นคงไม่สามรถสกัดกั้นการชุมนุมได้โดยง่าย จากทำเนียบรัฐบาล แยกราชประสงค์ แยกปทุมวัน ห้าแยกลาดพร้าว ฯลฯ โดยจุดเด่นสำคัญประการหนึ่งคือ ผู้ชุมนุมครั้งนี้จำนวนมากเป็นคนรุ่นใหม่ทั้งเจนวาย (เกิดปี 2523-2540) และเจนแซด (เกิดหลังปี 2540-ปัจจุบัน) ใช้เทคโนโลยีโดยเฉพาะสื่อออนไลน์ได้อย่างเชี่ยวชาญ
หลากหลายแอพพลิเคชั่นและเว็บไซต์ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างชุดข้อมูลข่าวสารตั้งแต่วิพากษ์วิจารณ์และเสียดสียั่วล้อผู้มีอำนาจ ไปจนถึงการนัดหมายชุมนุม โดยนอกจากเฟซบุ๊ก (Facebook) และทวิตเตอร์ (Twitter) ที่ใช้กันเป็นหลักในขณะนี้ ล่าสุด “เยาวชนปลดแอก-Free YOUTH” หนึ่งในกลุ่มเคลื่อนไหวหลัก มีการปูดข่าวว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กำลังยื่นเรื่องขอให้เฟซบุ๊กสั่งปิดเพจของตน รวมถึงเพจของพันธมิตรอย่าง “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” จึงขอให้ไปใช้ “เทเลแกรม (Telegram)” เป็นช่องทางสื่อสารแทน
เทเลแกรมเป็นแอพพลิเคชั่นสนทนาสัญชาติรัสเซีย เปิดตัวครั้งแรกในปี 2556 มีให้ดาวน์โหลดสำหรับโทรศัพท์มือถือทั้งที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android และ iOS ใช้ส่งข้อมูลได้ทั้งข้อความ รูปภาพ วีดีโอ ตำแหน่งปัจจุบันและอื่นๆ จุดเด่นอยู่ที่การสนทนาที่เลือกได้ 2 แบบคือ การสนทนาทั่วไป สามารถกดส่งข้อความได้ทันทีจากรายชื่อที่มี และการสนทนาแบบลับ จะส่งข้อมูลได้ก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายออนไลน์อยู่เท่านั้น อีกทั้งมีการเข้ารหัสตั้งแต่เครื่องผู้ส่งไปจนถึงเครื่องผู้รับ จึงเป็นเรื่องยากมากในการดักรับข้อมูลกลางทาง
ผู้ก่อตั้งเทเลแกรมคือ 2 พี่น้องชาวรัสเซีย นิโคไล และ พาเวล ดูรอฟ (Nikolai and Pavel Durov) ทั้งคู่เคยพัฒนาสื่อสังคมออนไลน์รัสเซียอย่าง VK ซึ่งต่อมาได้ขายกิจการต่อให้กับกลุ่ม Mail.ru Group ที่น่าสนใจคือแม้บริษัทจะจดทะเบียนในอังกฤษและสหรัฐอเมริกา แต่สถานที่ตั้งไม่เป็นที่เปิดเผย เนื่องด้วยจุดยืนของผู้ก่อตั้งนั้นไม่ต้องการให้ผู้มีอิทธิพลใดๆ โดยเฉพาะการร้องขอข้อมูลผู้ใช้งานจากรัฐบาล ซึ่งนับจากเดือน ต.ค. 2556 ที่มีผู้ใช้งานเพียง 1 แสนรายต่อวัน ในเดือน เม.ย. 2563 พบว่าเพิ่มขึ้นเป็น 400 ล้านรายต่อเดือน
การเติบโตของเทเลแกรมส่วนหนึ่งมีปัจจัยมาจากความต้องการของประชาชนในการหลีกหนีมาตรการควบคุมโลกออนไลน์ของรัฐบาล อาทิ ในเดือน ต.ค. 2557 ชาวเกาหลีใต้หันไปใช้เทเลแกรมกันมากขึ้นเนื่องจากในเวลานั้นรัฐบาลโสมขาวมีแผนการส่องสอดการใช้สื่อออนไลน์ ขณะที่ต้นเดือน พ.ค. 2561 ศาลวัฒนธรรมและสื่อของอิหร่าน มีคำสั่งแบนแอพฯ เทเลแกรม ในประเทศ โดยมาจากการผลักดันของ ฮัสซัน รูฮานี (Hassan Rouhani) ประธานาธิบดีอิหร่าน เนื่องจากในการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลช่วงปลายปี 2560 ผู้ชุมนุมใช้แอพฯ นี้ในการนัดหมายรวมพล
ปลายเดือน ส.ค. 2562 ผู้พัฒนาเทเลแกรมเพิ่มความสามารถให้แอพฯ นี้สามารถปกปิดหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้งาน เนื่องจากในเวลานั้นบนเกาะฮ่องกงกำลังมีการชุมนุมประท้วงต่อต้านการครอบงำของรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่และเทเลแกรมคือช่องทางสื่อสารสำคัญของผู้ประท้วง รวมถึงในเดือน มิ.ย. ปีเดียวกัน ที่สถานการณ์การชุมนุมบนเกาะฮ่องกงเริ่มก่อตัวในประเด็นกฎหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดนจากฮ่องกงไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ มีรายงานการโจมตีทางไซเบอร์ต่อเทเลแกรม โดย พาเวล ดูรอฟ เปิดเผยว่า จีนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
คงต้องตามดูกันต่อไป ว่าตกลงแล้ว กระทรวงดิจิทัลฯ ได้ขอให้เฟซบุ๊กปิดเพจฝ่ายม็อบจริงหรือไม่? และถ้าขอจริงเฟซบุ๊กจะยอมปิดให้หรือเปล่า? แต่ที่แน่ๆ ในที่สุด “ไทยแลนด์” ก็ได้กลายเป็นอีกประเทศที่ “เทเลแกรม” จะได้ถูกแปะ “เครืองหมายการค้า” ในฐานะ “เครื่องมือของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล” อีกครั้ง!!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- สงครามโซเชียล! เครือข่ายม็อบปูด‘ดีอีเอส’ถกเฟซบุ๊กปิดเพจ ฮึดเปิดช่องทางสำรองสู้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี