เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2563 สื่อฮ่องกงและจีนติดตามสถานการณ์การรับมือการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอก 2 ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศไทย โดยเว็บไซต์ นสพ.South China Moring Post ของฮ่องกง เสนอรายงานพิเศษ Thailand tweaks visa-for-cash plan, popular among Chinese, to aid developers amid supply glut ระบุว่า รัฐบาลไทยเตรียมออกมาตรการโดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2564 เป็นต้นไป ชาวต่างชาติที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยมูลค่า 10 ล้านบาทขึ้นไป จะได้สิทธิในการพักอาศัยในประเทศไทยเป็นเวลา 5 ปี
มาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการขายบัตร Thailand Privilege Card โดยหน่วยงานผู้ดูแลบัตรดังกล่าวจะเป็นผู้ประสานงานเรื่องวีซ่าระหว่างชาวต่างชาติที่ซื้อบัตรนี้กับหน่วยงานภาครัฐของไทย ทั้งนี้ อสังหาริมทรัพย์ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นคอนโดมิเนียม ผู้ซื้อก็จะต้องถือครองเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งโครงการขายบัตร Thailand Privilege Card เริ่มต้นขึ้นในปี 2546 มีข้อเสนอเรื่องการพักอาศัยระยะยาวในประเทศไทย ตั้งแต่ 5-20 ปี โดยจ่ายเงินตั้งแต่ 5 แสน-2 ล้านบาท โดยคนจากจีนแผ่นดินใหญ่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อังกฤษและสหรัฐอเมริกา เป็น 5 ชาติหลักที่สนใจซื้อบัตรนี้
สมชัย สูงสว่าง (Somchai Soongswang) ประธานของ Thailand Privilege Card อธิบายว่า แนวคิดนี้ต้องการช่วยเหลือผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่มีสินค้าค้างสต็อกขายไม่ออก เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เงินไปลงทุนสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบเศรษฐกิจ รวมถึงปรับปรุงกระแสเงินสดของนักพัฒนาอสังหาฯ เอง อนึ่ง จากการเก็บสถิติและการสังเกต ประเทศไทยไม่มีปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย แต่ปัญหาจะอยู่ในส่วนของคอนโดมิเนียม
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างทำลายล้างกับเศรษฐกิจของหลายประเทศในทวีปเอเชีย สำหรับประเทศไทย ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) หดตัวลงทุกไตรมาสของปี 2563 โดยเฉพาะในไตรมาส 2 ของปี ที่หดตัวถึงร้อยละ 12.1 เลวร้ายยิ่งกว่าช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ซึ่งเป็นวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในทวีปเอเชียเมื่อปี 2540 และรัฐบาลไทยคาดการณ์ว่า ในปี 2564 เศรษฐกิจน่าจะขยายตัวร้อยละ 3.5-4.5
ถึงกระนั้น วิกฤติที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทำให้นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องชะลอการทำโครงการใหม่ๆ ออกไป รวมถึงส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากรัฐเพื่อให้อยู่รอดได้ ข้อมูลจาก Agency for Real Estate Affairs ซึ่งเป็นบริษัทประเมินราคาอสังหาฯ ในไทย ระบุว่า ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2563 ยังมีที่อยู่อาศัยที่ขายไม่ออกถึง 384,565 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าราว 1.3 ล้านล้านบาท
สมชัย ชี้ว่า อาจต้องใช้เวลาถึง 2 ปี ในการเคลียร์สต็อกอสังหาริมทรัพย์ที่ขายไม่ออกเหล่านี้ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมประมาณ 1 แสนยูนิตที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ อนึ่ง กฎหมายไทยไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้อที่ดินในประเทศไทย เช่นเดียวกับ Knight Frank บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาฯ ระดับโลกที่มีต้นกำเนิดในอังกฤษ ระบุว่า ในไตรมาสที่ 2/2563 อสังหาฯ ในไทยที่เปิดตัวใหม่ขายได้เพียง 581 จาก 4,022 ยูนิต เป็นอัตราที่ช้าที่สุดในรอบทศวรรษ และคาดว่าในปี 2563 สถานการณ์จะเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 2554 ที่ประเทศไทยเผชิญวิกฤติน้ำท่วมใหญ่
สำหรับโครงการใหม่ของ Thailand Privilege Card ข้างต้น เรียกว่า Elite Flexible One จะให้ข้อเสนอดังกล่าวอย่างน้อย 2 ปี บนความคาดหวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นวิกฤติไวรัสโควิด-19 จะคลี่คลายลงเมื่อมีวัคซีนมากขึ้น โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ 20 เจ้าเข้าร่วมในการประชุมแผนเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2563 ซึ่งค่าธรรมเนียม 5 แสนบาทในการซื้อบัตร Thailand Privilege Card อาจจะได้รับการยกเว้นหรือลดราคาลงและนำไปเป็นส่วนหนึ่งในค่าใช้จ่ายในการซื้ออสังหาฯ เพื่อให้ผู้ประกอบการตัดสินใจหรือส่งเสริมสิทธิพิเศษด้านอื่นๆ เช่น ช่วยเรื่องพิธีการตรวจคนเข้าเมือง หรือมีรถลิมูซีนไปรับ-ส่งที่สนามบิน
ข้อมูลจากบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ Juwai IQI ระบุว่า ในบรรดาผู้ถือบัตร Thailand Privilege Card เป็นชาวจีนมากที่สุด ร้อยละ 31 มากกว่าอันดับ 2 คือชาวญี่ปุ่นถึง 4 เท่า ทั้งที่ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุด และมาตรการวีซ่าใหม่ที่จะออกมาในวันที่ 1 ม.ค. 2564 ก็น่าจะเป็นข้อเสนอที่ดี เกออร์ค ชมีล (Georg Chmiel) ประธานบริหารของ Juwai IQI กล่าวว่า ข้อเสนอใหม่นี้น่าสนใจสำหรับผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ เพราะเงินจะถูกแปลงเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทน หรือแม้แต่ขายต่อได้ในภายหลัง หรือจะอยู่อาศัยเองก็ได้ เพราะการสมัครวีซ่าอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน ผู้สมัครต้องจ่ายเงินให้รัฐบาลไทยโดยที่ไม่ได้รับเงินคืนแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ไทยยังต้องเผชิญความท้าทายกับคู่แข่งอย่างหลายประเทศในทวีปยุโรปอย่าง กรีซ โปรตุเกสและสเปน ที่มีการจัดโครงการซื้ออสังหาริมทรัพย์แล้วจะมีสิทธิยื่นขอสัญชาติได้ด้วย ชมีล มองว่า วีซ่าแบบใหม่ที่ให้กับผู้ลงทุนซื้ออสังหาฯ ในไทย ไม่น่าจะประสบความสำเร็จมากนัก เว้นแต่ชาวต่างชาตินั้นจะเป็นกลุ่มที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้วและต้องการอยู่ต่อไปอีก รวมถึงเห็นโอกาสต่อรองในการลงทุนด้านอสังหาฯ
เช่นเดียวกับ เทอเรนซ์ ลอว์ (Terence Law) ผู้อำนวยการอาวุโส โครงการ Centaline ที่มองว่า ข้อเสนอของไทยคงไม่ได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติที่ต้องการที่พักอาศัยถาวรมากไปกว่าผู้ต้องการพักอาศัยระยะยาว ด้านนักพัฒนาอสังหาฯ ระดับตลาดบนบางรายในประเทศไทยพยายามเสนอวีซ่าที่มีลักษณะคล้ายกันเพื่อดึงดูดลูกค้าต่างชาติ แต่โดยปกติแล้วลูกค้าจะชอบสิ่งจูงใจอื่นๆ เช่น ส่วนลดราคาโดยตรงมากกว่า ถึงกระนั้น ตัวแทนอสังหาฯ ในไทย ก็พร้อมเข้าร่วมโครงการ โดยหวังว่าจะระบายโครงการที่ค้างสต็อกออกไปได้
การสำรวจของ Juwai IQI สอบถามความคิดเห็นจากผู้ประกอบการ 154 แห่ง ระหว่างเดือน ต.ค.-พ.ย. 2563 ร้อยละ 70 ระบุว่า การให้วีซ่าพักอาศัยระยะยาวหรือใบอนุญาตทำงานกับชาวต่างชาติ แลกกับการซื้ออสังหาฯ ในไทยมูลค่าตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไปเป็นมาตรการกระตุ้นลูกค้าต่างชาติที่ดีที่สุด สมศักดิ์ ชุติศิลป์ (Somsak Chutisilp) กรรมการผู้จัดการของ IQI ประเทศไทย กล่าวว่า การลงทุนจากต่างประเทศเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดอสังหาฯ ในไทย ซึ่งสนับสนุนทั้งรายได้ของรัฐ การจ้างงาน และการพัฒนาใหม่ๆ แต่ตอนนี้การเดินทางเป็นเรื่องยาก จึงยังไม่มีการโอนทรัพย์สินบางส่วน
ขณะที่สำนักข่าวซินหัวของจีน เสนอข่าว Thailand greenlights New Year mega countdown events with COVID-19 health guidelines อ้างการเปิดเผยของ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ (Natthapon Nakpanich) เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศบค. ที่ระบุว่า ทางการไทยอนุญาตให้มีการจัดงานฉลองส่งท้ายปีเก่า 2563-ต้อนรับปีใหม่ 2564 ได้ ภายใต้มาตรการป้องกันโรคระบาด เช่น สวมหน้ากากปิดปาก-จมูก เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ
โดยการตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นผู้เดินทางกลับจากเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ซึ่ง พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ศบค. จะประชุมกับกระทรวงสาธารณสุขอีกครั้งในเดือน ม.ค. 2564 เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับการกักกันโรคตรวจคัดกรองหาผู้ติดเชื้อ ว่าจะอยู่ที่ 10 หรือ 14 วัน เพื่อให้ได้ผลการตรวจที่แม่นยำ รวมถึงหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางของชาวต่างชาติเข้ามายังประเทศไทย แม้ประเด็นสาธารณสุขจะยังเป็นเรื่องหลักก็ตาม
ย้อนไปเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อนหน้านั้น ศบค. เปิดเผยว่า มีคนไทยที่ลักลอบเดินทางกลับเข้าประเทศติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 5 คน และคนไทยในประเทศอีก 1 คน กลุ่มที่ลักลอบเดินทางกลับประเทศนั้นใช้ช่องทางธรรมชาติเพราะไม่ต้องการถูกกักตัวตามมาตรการควบคุมโรคระบาด ซึ่ง อนุทิน ชาญวีรกูล (Anutin Charnvirakul) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของไทย กล่าวว่า หลังการรักษาพยาบาล คนเหล่านี้ยังต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และยังไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์เพราะยังสามารถควบคุมการระบาดได้
อีกด้านหนึ่ง เว็บไซต์ นสพ.People's Daily ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เสนอข่าว Thai Air Force to use aerial drones over natural borders to detect illegal crossings ระบุว่า กองทัพอากาศของไทย ส่งอากาศยานไร้คนขับ (Drone) ขึ้นบินลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา เพื่อสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกเหนือจากมาตรการอื่นๆ เช่น วางรั้วลวดหนาม ติดตั้งกล้องวงจรปิด และจัดเจ้าหน้าที่ตรวจค้นยานพาหนะ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี