ญี่ปุ่นเริ่มวิกฤติ
วันเดียวติดเชื้อไวรัส3พันคน
เกาหลีคุมเข้มกรุงโซลสูงสุด
สหรัฐดีเดย์ฉีดวัคซีนทั่วปท.
‘อิตาลี’ป่วยมากที่สุดในยุโรป
ทั่วโลกป่วน ไวรัสโควิด-19 ระบาดหนัก ป่วยแล้วทะลุ 72 ล้านราย ตายแล้วกว่า 1.6 ล้านศพ เกาหลีใต้ ป่วยเพิ่มวันเดียว 1,030 ราย จ่อรับมือระลอก 3 ส่วนญี่ปุ่น ติดเชื้อเพิ่ม 3,030 ราย ด้านอิตาลี ยอดป่วยมากที่สุดในยุโรป ขณะที่สหรัฐฯเร่งส่งมอบวัคซีนพร้อมใช้งานทั่วประเทศ 14-16 ธ.ค.นี้ ตั้งเป้า 20 ล้านราย
เมื่อวันที่ 13ธันวาคมสำนักข่าวต่างประเทศ รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ทั่วโลก ว่ามีผู้ติดเชื้อสะสม รวม 72,103,223 ราย เสียชีวิต 1,611,492 ราย รักษาหายแล้ว 50,489,150ราย โดย 5 อันดับประเทศมีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 16,549,366ราย อินเดีย 9,857,380 ราย บราซิล6,880,595ราย รัสเซีย 2,625,848ราย และฝรั่งเศส 2,365,319ราย ขณะที่เมียนมามียอดผู้ป่วยสะสม 107,215ราย โดยเป็นผู้ป่วยรายใหม่ 1,352ราย
วันเดียวกัน สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี (เคดีซีเอ) ของเกาหลีใต้ รายงานว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ 1,030 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 42,766 รายและมีผู้เสียชีวิต 580 ราย ซึ่งนายกรัฐมนตรีชุง เซ-คยุน กล่าวว่า หากการระบาดยังรุนแรงต่อเนื่องเช่นนี้ต่อไป ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้มาตรการเว้นระยะห่างที่เข้มงวดขั้นสูงสุด คือการล็อกดาวน์เป็นบางส่วนเป็นครั้งแรกในเกาหลีใต้
ทั้งนี้ เกาหลีใต้ได้รับการยกย่องว่าประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เป็นอย่างดีไม่ต้องใช้วิธีการล็อกดาวน์แต่ใช้วิธีการติดตามหาผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อและการตรวจหาเชื้อในประชาชน หลังจากที่พบผู้ติดเชื้อครั้งแรกตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยทางการเกาหลีใต้รายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 950ราย ทำให้ประธานาธิบดีมุน แจ อิน ต้องสั่งระดมกำลังตำรวจ ทหารและแพทย์ เพื่อป้องกันการระบาดครั้งนี้ ซึ่งถูกระบุว่าเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ขณะที่กรุงโซล ได้ใช้มาตรการระดับ 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด โดยโรงเรียนต่างๆ ต้องใช้วิธีเรียนด้วยระบบทางไกล อนุญาตให้พนักงานที่จำเป็นเข้าทำงาน และห้ามการชุมนุมเกิน 10 คน
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ว่ากระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่น ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถิติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงว่ามีผู้ป่วยสะสมอยู่ที่อย่างน้อย 177,287ราย เพิ่มขึ้น 3,030 ราย เป็นสถิติรายวันสูงสุด นับตั้งแต่ญี่ปุ่นยืนยันผู้ติดเชื้อรายแรก เมื่อวันที่ 16มกราคมที่ผ่านมา ขณะที่สถิติสะสมของผู้เสียชีวิตมีจำนวนอย่างน้อย 2,562 คน เพิ่มขึ้น 1 คน
อย่างไรก็ดี รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมสั่งซื้อตู้แช่แข็ง 10,500ตู้ ซึ่งสามารถรักษาอุณหภูมิติดลบได้มากพอที่จะแช่แข็งวัคซีน ซึ่งมีการสั่งซื้อจากทั้งบริษัท ไฟเซอร์ โมเดอร์นาและแอสตราเซเนกา โดยวัคซีนของไฟเซอร์ฯ ต้องเก็บรักษาที่อุณหภูมิ -75 องศาเซลเซียสและ-20องศาเซลเซียสสำหรับวัคซีนของโมเดอร์นา ซึ่งหลายฝ่ายยอมรับว่าการที่วัคซีนต้องอยู่ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าจุดเยือกแข็งมาก เป็นปัญหากับการขนส่ง
ด้านคณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติจีน รายงานว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในวันเดียวกันนี้ โดยเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 5 ราย ส่วนอีก 19 รายติดเชื้อจากต่างประเทศ ทำให้จีนพบผู้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวแล้ว 86,725 ราย ยอดผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 4,634 ราย เจ้าหน้าที่ทางการจีน เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยว 2 ราย ที่เดินทางไปเยือนเมืองซานยาในมณฑลไห่หนาน ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ปลายสุดทางใต้ของจีน ถูกพบว่ามีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการที่เมืองซีอาน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ โดยทั้งสองรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน
สำหรับมณฑลไห่หนาน ไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มายาวนาน 6 เดือน ทำให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนที่ต้องการมาจับจ่ายซื้อสินค้าปลอดภาษี ถ่ายภาพสำหรับงานแต่งงาน และเล่นกระดานโต้คลื่น เจ้าหน้าที่ของเมืองซานยา กล่าวว่า นักท่องเที่ยวทั้งสองราย เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดอีก43 ราย ที่จะต้องถูกกักตัวเพื่อดูอาการที่เมืองซานยา
ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขประเทศอิตาลี รายงานว่าในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 จำนวน 649 ราย และพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 19,903 ราย โดยสำนักข่าวเอเอฟพี ของฝรั่งเศส ซึ่งเฝ้าติดตามยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ในทวีปยุโรป พบว่าอิตาลีแซงหน้าประเทศอังกฤษไปแล้ว
ทั้งนี้ อิตาลีเป็นประทศแรกในยุโรปที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ แม้ว่าอิตาลีจะใช้วิธีการตรวจหาเชื้อไวรัส แต่จำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มกลับมาเพิ่มจำนวนมากขึ้นในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา เช่นเดียวกับหลายประเทศในยุโรป ทางสมาคมการแพทย์แห่งชาติอิตาลี ระบุว่าเมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา มีแพทย์เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 แล้ว 251 ราย
ส่วนนายฟิลิปโป อเนลลี ประธานสมาคมแพทย์แห่งชาติอิตาลี กล่าวว่าในช่วงของการระบาดระลอก 2 มีแพทย์เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก สาเหตุหนึ่งมาจากที่มีผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการวนเวียนอยู่ทั่วไปและแพทย์ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันที่จำเป็นอย่างเพียงพอ
อีกด้านหนึ่ง ที่กรุงวอชิงตัน สหรัฐฯ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า โครงการพัฒนาและจัดหาวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ในชื่อปฏิบัติการวาร์ปสปีดได้ออกแถลงการณ์ว่าผู้ให้บริการขนส่งสินค้าในสหรัฐฯ จะทยอยจัดส่งวัคซีนที่พัฒนาโดยบริษัทในประเทศ คือไฟเซอร์ ร่วมกับไบโอเอ็นเทคของเยอรมนี ไปตามโรงพยาบาล ศูนย์การแพทย์ และสถานดูแลผู้สูงอายุเกือบ 150 แห่งทั่วสหรัฐฯ เพื่อเริ่มแจกจ่ายในลอตแรกวันที่ 14 ธันวาคมนี้ตามเวลาท้องถิ่น
สำหรับสถานที่อีก 425 แห่งจะได้รับมอบวัคซีนภายในวันที่ 15 ธันวาคม และจะมีการจัดส่งวัคซีนไปยังสถานที่อีก 66 แห่ง ภายในวันที่ 16 ธันวาคมนี้ รวมแล้วจะมีการจัดส่งวัคซีนประมาณ 3 ล้านชุด แม้ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าประชาชนกลุ่มใดจะได้รับวัคซีนก่อน เนื่องจากทำเนียบขาวให้อำนาจรัฐบาลท้องถิ่นแต่ละแห่งจัดการเรื่องนี้เอง แต่ทุกฝ่ายกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าบุคลากรการแพทย์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัวสมควรได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มแรก
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก นพ.สตีเฟนฮาห์น เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (เอฟดีเอ) ลงนามอนุมัติการใช้งานวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ของไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค เมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่เน้นว่าให้ใช้งานในกรณีฉุกเฉินกับผู้ใหญ่และผู้มีอายุไม่ต่ำกว่า 16 ปี ตามการเสนอของคณะที่ปรึกษาจากภายนอกของเอฟดีเอ ซึ่งลงมติเมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา
ขณะที่ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า วัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ของไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค จะถูกส่งไปยังโรงพยาบาลในรัฐต่างๆ ภายในช่วงเช้าวันที่ 14 ธันวาคมนี้ และพร้อมฉีดให้กับประชาชนชาวอเมริกันที่มีความเสี่ยงสูงหลายล้านคน
อย่างไรก็ดี วัคซีนที่บริษัทไฟเซอร์ร่วมกันพัฒนากับบริษัทไบโอเอ็นเทคพันธมิตรจากเยอรมนี จะเริ่มลำเลียงออกจากโรงงานของบริษัทไฟเซอร์ที่เมืองกาลามาซู ในรัฐมิชิแกน โดยถูกเก็บไว้ในกล่องที่บรรจุน้ำแข็งแห้งทำให้วัคซีนอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมในการรักษาคุณภาพของวัคซีนที่ -70 องศาเซลเซียส
พล.อ.กัสเปอร์นา ซึ่งเป็นผู้ดูและปฏิบัติการด้านการขนส่งครั้งนี้ กล่าวว่า ช่วงเวลานี้ทำให้เกิดความรู้สึกคล้ายคลึงกับเหตุการณ์วันดี-เดย์ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยตนเชื่อมั่น 100% ว่าการแจกจ่ายวัคซีนจะสำเร็จลุล่วงด้วยความปลอดภัย เพื่อจะนำวัคซีนไปใช้ในการปราบศัตรู ซึ่งคือไวรัสโควิด-19
พล.อ.เปอร์นา กล่าวอีกว่า โรงพยาบาลและศูนย์กระจายวัคซีนต่างๆ จะได้รับวัคซีนระหว่างวันที่ 14-16 ธันวาคมนี้ ซึ่งจะครอบคลุมประชาชนราว 3 ล้านราย ที่จะได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มแรก ซึ่งมีคำแนะนำให้บุคลากรทางการแพทย์และผู้ที่อาศัยที่บ้านพักคนชราควรจะเป็นกลุ่มแรกๆ อย่างไรก็ดี การตัดสินใจขึ้นอยู่กับแต่ละรัฐที่จะบริหารจัดการ โดยมีการตั้งเป้าว่าจะฉีดวัคซีนให้ได้ 20 ล้านราย ภายในเดือนธันวาคมนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี