เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2563 เว็บไซต์ นสพ.Nikkei Asian Review ของญี่ปุ่น เสนอรายงานพิเศษเรื่อง Vietnam, Indonesia and Malaysia seen fully recovering in 2021 วิเคราะห์เศรษฐกิจของ 6 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ในปี 2564 โดยใช้ข้อมูลเศรษฐกิจจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในปี 2562 อันเป็นปีล่าสุดก่อนที่โลกจะเข้าสู่สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นฐานดัชนีที่ 100
รายงานฉบับนี้ ระบุว่า เศรษฐกิจของเวียดนาม อินโดนีเซียและมาเลเซีย มีแนวโน้มขยายตัวในปี 2564 โดยเวียดนามจะขยายมากที่สุดในกลุ่มนี้ อยู่ที่ 108.4 ซึ่งสอดคล้องกับที่ Standard & Poor (S&P) สถาบันจัดอันดับทางการเงินที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ของสหรัฐอเมริกา คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัวถึงร้อยละ 10.9 ในปี 2564 มากกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก หลังจากที่ในปี 2563 เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวร้อยละ 2.91
อีกทั้งเวียดนามยังเป็น 1 ใน 6 ประเทศที่เข้าสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2563 เนื่องจากเป็นประเทศหนึ่งที่สามารถควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความเป็นผู้นำยังสนับสนุนความต้องการที่มีประสิทธิผลผ่านโครงการสาธารณะ โดยพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม กำลังจะมีการประชุมใหญ่ในเดือน ม.ค. 2564 ยูตะ สึคาดะ (Yuta Tsukada) นักวิเคราะห์จากสถาบันวิจัยแห่งญี่ปุ่น กล่าวว่า บริษัทระดับโลกพากันมุ่งหน้าไปยังเวียดนาม ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการส่งออก ที่นั่นต้นทุนการผลิตต่ำ และยังหลีกเลี่ยงสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
ขณะที่ อินโดนีเซีย ตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยดัชนีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 104.5 สืบเนื่องจากกฎหมายใหม่ที่ โจโก วิโดโด (Joko Widodo) ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เพิ่งลงนามให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือน พ.ย. 2563 คาดว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกให้บริษัทต่างๆ รวมถึงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ด้าน มาเลเซีย อยู่ในอันดับ 3 ดัชนีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 101.3 ยังสามารถเห็นการส่งออกผลิตภัณฑ์หลัก เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ฟื้นตัวเมื่อเศรษฐกิจโลกมีเสถียรภาพ
รายงานกล่าวต่อไปว่า ในทางกลับกัน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์และไทย จะไม่สามารถมีค่าดัชนีการเติบโตหรือขยายตัวทางเศรษฐกิจเกิน 100 ไปจนถึงปี 2565 สำหรับไทยนั้นปัญหาในปี 2564 จะยังอยู่ที่ภาคการท่องเที่ยวซึ่งครองสัดส่วนร้อยละ 20 ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของประเทศ ตราบใดที่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการยุติมาตรการจำกัดการเดินทางเข้าประเทศของชาวต่างชาติ ส่วนการส่งออกรถยนต์อันเป็นอีกเครื่องจักรเศรษฐกิจสำคัญ การเติบโตก็ยังไม่น่าจะกลับไปอยู่ในระดับเดียวกับปี 2562 เช่นเดียวกับ สิงคโปร์ ที่ภาคการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวช้าไม่ต่างจากไทย ขณะที่ ฟิลิปปินส์ การใช้จ่ายของผู้บริโภคยังไม่แน่นอน เห็นได้จากยอดขายรถยนต์และสินค้าคงทนอื่นๆ ชะลอตัว
ทั้งนี้ ยังมีตัวแปรที่ต้องจับตา เช่น วัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่แม้จะเริ่มมีการฉีดให้กับบุคคลในบางพื้นที่บ้างแล้ว แต่สำหรับกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อย่างอาเซียนอาจต้องรอไปอีกนาน นอกจากนี้ยังต้องรอดูว่าวัคซีนจะสามารถป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่พบในสหราชอาณาจักรและอื่นๆ (แอฟริกาใต้-ผู้แปล) ได้หรือไม่ รวมถึงการที่สหรัฐฯ มีประธานาธิบดีคนใหม่คือ โจ ไบเดน (Joe Biden) นโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
ซึ่งพรรคเดโมแครต ต้นสังกัดของไบเดน มีแนวโน้มที่จะไม่เข้าร่วมหุ้นส่วนการค้าแปซิฟิก (TPP) ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ผู้นำสหรัฐฯ คนก่อนหน้าประกาศนำสหรัฐฯ ถอนตัวออกมา นอกจากนี้ กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เวียดนามมีการควบคุมสกุลเงิน จากการที่เวียดนามเกินดุลการค้าอย่างมากกับการส่งออกของเวียดนาม ดังนั้นเศรษฐกิจเวียดนามอาจได้รับผลกระทบหากถูกบังคับให้ประเมินค่าเงินใหม่
ขอบคุณเรื่องจาก https://asia.nikkei.com/Economy/Vietnam-Indonesia-and-Malaysia-seen-fully-recovering-in-2021
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี