ทั่วโลกพบติดเชื้อโควิด-19 แล้วกว่า 84 ล้านราย เสียชีวิต 1.8 ล้าน สหรัฐนำโด่งป่วยสะสมกว่า 20.6 ล้านคน ดับกว่า 3.5 แสน ขณะที่ เวียดนามพบป่วยโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่แพร่ได้เร็ว ระดับรุนแรงกว่าตัวเดิมคนแรกหลังกลับจากอังกฤษ ส่วนอินเดียไฟเขียววัคซีนของ “อ็อกซ์ฟอร์ด-แอสตราเซเนกา” พร้อมฉีดอีก 1 สัปดาห์
สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน สถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ทั่วโลกในรอบ 24 ชั่วโมงของวันที่ 2 มกราคม ว่า ยังพบผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มีหลายประเทศเป็นการติดเชื้อโควิด- 19 สายพันธุ์ใหม่ ที่แพร่กระจายได้เร็วและรุนแรงกว่าสายพันธุ์เดิม โดยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม แถลงว่าพบผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์แพร่เร็ว เป็นสตรีวัย 44 ปีเดินทางกลับมาจากอังกฤษ ถูกกักตัวตรวจหาเชื้อผลตรวจเป็นบวก เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม คณะนักวิจัยถอดรหัสพันธุกรรรมตัวอย่างเชื้อของผู้หญิงวัย 44 ปีรายนี้พบว่าเป็นไวรัสปรับปรุงสายพันธุ์ต่างไปจากเดิม ชื่อ VOC 202012/01 มีการกลายพันธุ์ของยีน ซึ่งในทางทฤษฎีแล้วทำให้แพร่เชื้อระหว่างคนได้ง่ายขึ้น ขณะนี้เวียดนามมีผู้ป่วยรวม 1,474 คนเสียชีวิต 35 คน
ขณะที่สหรัฐฯตัวเลขผู้ป่วยยังวิ่งไม่หยุด ข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์ระบุ สหรัฐฯมีผู้ป่วยโควิด-19 สะสม 20,128,359 คน เสียชีวิต 347,787 คน มากเป็นอันดับหนึ่งของโลกที่มีผู้ป่วยสะสม 83,957,701 คน เสียชีวิต 1,827,121 คน นอกจากนี้ ความหวังของทั่วโลกที่คิดจะหยุดโรคนี้ได้รวดเร็วเริ่มไกลออกไป เมื่อโครงการฉีดวัคซีนในสหรัฐเริ่มอย่างล่าช้า เพราะปัญหาการขนส่ง จนถึงขณะนี้มีคนในสหรัฐได้รับวัคซีนเข็มแรกไม่ถึง 2.8 ล้านคน ทั้งที่รัฐบาลรับปากว่าจะฉีดให้ได้ 20 ล้านคนภายในสิ้นปี63
อย่างไรก็ตาม ที่ฝรั่งเศสเกิดปัญหาจัดสรรวัคซีนล่าช้าเช่นกัน แพทย์เยอรมนีแจ้งว่า บุคลากรการแพทย์ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนทั้งที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง ขณะที่รัฐบาลฝรั่งเศสเร่งให้บุคลากรทางการแพทย์อายุ 50 ปีขึ้นไปได้ฉีดวัคซีนตั้งแต่วันจันทร์หน้า เร็วกว่าที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ ยังขยายเวลาห้ามออกนอกเคหสถานหรือเคอร์ฟิวจาก 20.00 น.ทั่วประเทศเป็น 18.00น.ในพื้นที่ระบาดสูง
หนังสือพิมพ์นิกเกอิ ของญี่ปุ่นอ้างแหล่งข่าวว่า นางยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียวจะขอพบหารือกับนายยาสุโตชิ นิชิมูระ รัฐมนตรีเศรษฐกิจที่ทำหน้าที่ประสานงานมาตรการรัฐบาลในการรับมือโควิด-19 เรื่องให้รัฐบาลกลางประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ขณะที่เอ็นเอชเค รายงานว่า จังหวัดไซตามะจะขอลักษณะเดียวกัน หลังกรุงโตเกียวพบผู้ป่วยใหม่สูงเป็นประวัติการณ์ 1,337 คนเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม เช่นเดียวกับยอดผู้ป่วยใหม่ทั้งประเทศที่สูงสุดวันเดียวกันที่ 4,520 คน แต่รัฐบาลนายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะยังไม่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน รัฐบาลใช้การให้ธุรกิจปิดโดยสมัครใจและจำกัดการเดินทาง มากกว่าใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มงวดเหมือนในยุโรปและสหรัฐ
ความคืบหน้าการผลิตวัคซีนโควิด-19 เว็บไซต์ นสพ. The New Indian Express ของอินเดียเผยว่า คณะกรรมการควบคุมมาตรฐานยากลางของอินเดีย (CDSCO) อนุมัติ เป็นกรณีฉุกเฉินกับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่พัฒนาโดยอ็อกซ์ฟอร์ด-แอสตราเซเนกา ซึ่งสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย (Serum Institute of India) เริ่มผลิตวัคซีนชนิดนี้แล้ว โดยใช้ชื่อสินค้าว่า โควิชิลด์ (Covishield) ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการครอบครัวของอินเดียเผยว่า แม้วัคซีนโควิด-19 ชนิดแรกได้รับอนุมัติให้ใช้ในอินเดีย แต่ต้องรอ 1 สัปดาห์กว่าจะเริ่มฉีดเข็มแรก เนื่องจากการขนส่งวัคซีนต้องทำภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด
ศูนย์บังคับการภัยพิบัติและมาตรการเพื่อความปลอดภัยกลางของเกาหลีใต้ ประกาศขยายมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมระดับ 2.5 สูงสุดระดับสองจากทั้งหมดห้าระดับในกรุงโซลและปริมณฑล และระดับ 2 สำหรับทั้งประเทศ ไปจนถึงวันที่ 17 มกราคม และขยายคำสั่งห้ามการรวมตัวตั้งแต่ 5 คนครอบคลุมทั้งประเทศ จากเดิมใช้เฉพาะกรุงโซลและปริมณฑล ส่วนตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่วันนี้มี 824 คน เป็นการติดเชื้อในประเทศ 788 คน มาจากต่างประเทศ 36 คน ในจำนวนนี้ 4 คน ติดเชื้อสายพันธุ์แพร่ได้เร็วจากอังกฤษ และอีกรายติดเชื้อสายพันธุ์แพร่เร็วจากแอฟริกาใต้ ยอดผู้ป่วยสะสมที่ 62,593 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 25 คน รวมเป็น 942 คน
สำหรับสถานการณ์โควิด–19 ทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 84,431,493 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 1,836,442 ราย รักษาหายรวม 59,723,708 ราย โดยสหรัฐอเมริกายังเป็นอันดับที่ 1 ที่พบผู้ติดเชื้อสะสม 20,617,346 ราย เสียชีวิตรวม 356,445 ราย อันดับที่ 2 อินเดีย ผู้ติดเชื้อสะสม 10,305,788 ราย เสียชีวิตสะสม 149,218 ราย อันดับ 3 บราซิล ติดเชื้อสะสม 7,700,578 คน เสียชีวิตสะสม 195,441 ราย อันดับ 4 รัสเซีย ติดเชื้อสะสม 3,212,637 ราย เสียชีวิตรวม 58,002 ราย และอันดับ 5 ฝรั่งเศส ติดเชื้อสะสม 2,639,773 ราย เสียชีวิตรวม 64,765 ราย ไทยอยู่ในอันดับที่ 136 ป่วย 7,379 ราย เสียชีวิต 64 ราย รักษาหาย 4,299 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี