12 มกราคม 2563 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้อนุมัติการประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงวอชิงตันตั้งแต่วันที่ 11-24 มกราคมนี้
การประกาศภาวะฉุกเฉินดังกล่าวได้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ใช้มาตรการคุมเข้มรักษาความปลอดภัย หลังจากมีคำเตือนจากหลายหน่วยงานของทางการว่าอาจจะมีเหตุการณ์ที่พึงไม่ประสงค์เกิดขึ้นจากการกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุมในช่วงที่มีพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหนงประธานาธิบดีของนายโจ ไบเดน ในสัปดาห์หน้า
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า วันนี้ กรุงวอชิงตัน ยังคงอยู่ในสภาวะของการใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดในช่วงก่อนที่จะมีพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของนายโจ ไบเดน ซึ่งกำหนดไว้ในวันที่ 20 มกราคม ซึ่งสำหรับพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งนี้ มีข่าวว่า จะจัดให้เล็กลง ไม่ยิ่งใหญ่อลังการเหมือนครั้งก่อนๆ ทั้งนี้เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่ยังมีการระบาดของโควิด-19
ข่าวระบุว่า กองกำลังพิทักษ์ชาติ หรือ National Guard ของสหรัฐ ได้รับอนุมัติเมื่อวันจันทร์ให้ส่งกำลังทหารกว่า 15,000 นาย ขณะที่นักท่องเที่ยวถูกกันไม่ให้เข้าไปยังบริเวณอนุสาวรีย์วอชิงตันเนื่องจากมีคำเตือนว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงจากกลุ่มผู้สนับสนุนนายทรัมป์ ขึ้นอีก
ขณะเดียวกัน เอฟบีไอ เตือนว่า มีผู้วางแผนจะก่อการประท้วงแบบมีอาวุธในกรุงวอชิงตันและอีก 50 เมืองเอกของ 50 รัฐ ก่อนจะถึงวันพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของนายไบเดน
ทั้งนี้ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ พบกันที่ทำเนียบขาวเมื่อช่วงเย็นวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าทั้งสองยังมีจุดยืนร่วมกัน ในขณะที่พรรคเดโมแครตพยายามกดดันให้รองประธานาธิบดีเดินหน้าปลดประธาธิบดีออกจากตำแหน่งเนื่องจากไม่มีความสามารถในการบริหารประเทศ พร้อม อนุมัติการประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงวอชิงตันตั้งแต่วันที่ 11-24 มกราคมนี้
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวกล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ พบกันที่ทำเนียบขาวเมื่อช่วงเย็นวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นและสนทนากันเป็นอย่างดี เป็นการพบกันครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ผู้สนับสนุนทรัมป์บุกจู่โจมอาคารรัฐสภาเพื่อพยายามขัดขวางการประชุมร่วมของรัฐสภาเพื่อให้การรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของนายโจ ไบเดน
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว กล่าวด้วยว่า นายทรัมป์ไม่มีแผนที่จะลาออกจากตำแหน่งก่อนวาระการดำรงตำแหน่งของเขาจะสิ้นสุดลงในวันที่ 20 มกราคมนี้ ส่วนนายเพนซ์ ก็ไม่มีแผนที่จะใช้อำนาจตามบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฉบับที่ 25 ในการปลดนายทรัมป์ออกจากตำแหน่งเนื่องจากไม่เหมาะสมที่จะปฎิบัติหน้าที่ประธานาธิบดีต่อไปได้ ตามที่พรรคเดโมแครตกำลังเรียกร้อง
เจ้าหน้าที่ขาวย้ำว่า ทรัมป์และเพนซ์ ต่างย้ำว่า ผู้ที่ละเมิดกฎหมายและบุกรุกเข้าไปภายในอาคารรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วไม่ได้เป็นตัวแทนของกลุ่มอเมริกาเฟิร์ส ที่ได้รับการสนับสนุนจากชาวอเมริกัน 75 ล้านคน ทั้งสองยังให้คำมั่นที่จะทำหน้าต่อไปในเวลาที่เหลือก่อนที่จะหมดวาระการดำรงตำแหน่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี